ในบรรดาสถาบันที่มีอยู่มากมายทั่วสหรัฐอเมริกา กลุ่มมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยที่เรียกได้ว่าเป็น “หัวกระทิ” ติดอันดับ Top ของประเทศถูกขนานนามว่า “Ivy League”
การจะสอบเข้าสถาบันในกลุ่ม Ivy League นั้นคุณต้องแข่งขันกับคนเก่งทั่วโลกและต้องมีการเตรียมความพร้อมมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในวันนี้เราจะพาทุกคนไปเจาะลึกเพื่อทำความรู้จัก และเตรียมข้อมูลที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ Ivy League กันค่ะ :D
Ivy League คืออะไร?
Ivy League เป็นกลุ่มมหาวิทยาลัยเอกชน 8 แห่งทางชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกาที่นอกจากชื่อนี้จะการันตีถึงคุณภาพระดับโลกแล้ว ยังเป็นสถาบันที่มีค่าเล่าเรียนสูงถึงปีละ 50,000 ดอลลาร์อีกด้วย (ประมาณ 1.77 ล้านบาท)
สถาบันใน Ivy League มีชื่อเสียงทั้งในด้านมาตรฐานการศึกษาที่ทั้งเข้มงวด และมีคุณภาพ ตลอดจนกระบวนการรับสมัครที่มีอัตราการแข่งขันสูง อีกทั้งบางแห่งยังเป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่ อย่าง Harvard ที่ก่อตั้งในปี 1636
สมาชิกของ Ivy League มีสถาบันไหนบ้าง?
✦ Brown University
✦ Columbia University
✦ Cornell University
✦ Dartmouth College
✦ Harvard University
✦ The University of Pennsylvania
✦ Princeton University
✦ Yale University
วิธีสมัครเรียน:
สถาบันในกลุ่ม Ivy League มีวิธีการรับสมัครและคัดเลือกผู้เรียนได้อย่างมีคุณภาพ โดยหนึ่งในนั้นคือการยื่นคะแนนสอบ SAT หรือ ACT ซึ่งเป็นคะแนนวัดคุณภาพของผู้เรียนซึ่งสถาบันส่วนใหญ่ในสหรัฐอเมริกานิยมใช้
คะแนน SAT ที่ใช้ยื่นสมัคร Ivy League นั้นค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับสถาบันทั่วไป ตัวอย่างเช่น
✦ Princeton University : เฉลี่ยมากกว่า 1,400 คะแนน
✦ Yale University : เฉลี่ยมากกว่า 1,450 คะแนน
✦ Harvard University : เฉลี่ยมากกว่า 1,500 คะแนน
นอกจากนี้คุณยังต้องส่งจดหมายรับรองและเรียงความส่วนตัวที่จะช่วยสนับสนุนเหตุผลที่คุณควรได้รับเลือกให้เข้าเรียนควบคู่กันด้วย โดยนักศึกษาหลายคนนิยมทำกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตรที่สนใจเรียนเพื่อสร้างภูมิหลังอันแข็งแกร่งและน่าประทับใจ
นั่นหมายความว่าแค่ขั้นตอนการสมัครก็ต้องใช้เวลาหลายปีในการเตรียมความพร้อมเพื่อให้มีโอกาสมากขึ้นนั่นเอง
เหตุใดโรงเรียนใน Ivy League จึงถือเป็นสถาบันสำหรับชนชั้นสูง?
เนื่องจากมหาวิทยาลัยและวิทยาลับเหล่านี้ให้บริการการศึกษาที่มีคุณภาพสูง ทั้งยังเป็นที่รู้จักในเรื่องของมาตรฐานที่ไม่เคยพร่อง ดังนั้นพวกเขาจึงดึงดูดนักศึกษาที่เก่งที่สุด และมีความโดดเด่นมากที่สุดจากทั่วโลกมารวมกัน
ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้หลังสำเร็จการศึกษาโดยส่วนมากก็จะกลายเป็นผู้ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงนั่นเองค่ะ
ข้อดีของการเรียนที่ Ivy League
มีข้อดีมากมายที่จะช่วยให้คุณรู้สึกว่าการเรียนที่นี่นั้นเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ตั้งแต่เรื่องพื้นฐานเช่น
✦ ชั้นเรียนขนาดเล็กพร้อมคณาจารย์ที่มีศักยภาพสูง ช่วยให้การเรียนการสอนเป็นไปอย่างทั่วถึงและมีคุณภาพ
✦ โอกาสนอกหลักสูตรที่หลากหลาย เนื่องจากการมีเครือข่ายผู้สนับสนุนที่ต้องการให้ความช่วยเหลือด้านประสบการณ์แก่นักศึกษาเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ ผู้สำเร็จการศึกษาจาก Ivy League มักได้รับโอกาสที่ดีในการทำงาน และมีฐานเงินเดือนที่สูงกว่าสถาบันอื่นๆ โดยศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียงซึ่งจบจาก Ivy League ได้แก่ Barack Obama (Harvard), Meryl Streep (Yale), Toni Morisson (Cornell), Jeff Bezos (Princeton) และ Allen Ginsberg (Columbia)
นอกจากนี้หลายสถาบันใน Ivy League ยังมีทุนการศึกษาเพื่อช่วยเหลือนักศึกษาเรียนดีแต่ขาดแคลนการสนับสนุน ซึ่งมีทั้งทุนเต็มจำนวนไปจนถึงทุนสนับสนุนบางส่วนขึ้นอยู่กับข้อเสนอที่ผู้เรียนแต่ละคนได้รับ
อัตราการตอบรับเข้าเรียนของแต่ละสถาบันใน Ivy League
แต่ละสถาบันในกลุ่มนี้มีโอกาสในการตอบรับเข้าศึกษาที่แตกต่างกันไป โดยผลสำรวจในหลายปีที่ผ่านมาพบว่ามีการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง และโอกาสในการตอบรับที่น้อย เนื่องจากพวกเขาเป็นสถาบันที่มีชื่อเสียง ดังนั้นหากอยากเข้าเรียนจริงๆ ก็ต้องให้แน่ใจว่าคุณเตรียมตัวมาอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นผลคะแนนสอบควบคู่ไปกับการเขียนเรียงความที่น่าประทับใจ
อัตราเฉลี่ยการรับสมัครเข้าเรียนของแต่ละสถาบัน
✦ Brown University: 8.1%
✦ Columbia University: 6.9%
✦ Cornell University: 14.1%
✦ Dartmouth College: 10.3%
✦ Harvard University: 5.8%
✦ Princeton University: 6.5%
✦ University of Pennsylvania: 9.4%
✦ Yale University: 6.8%
หลักสูตรยอดนิยมของ Ivy League
ระดับการศึกษาที่ผู้คนนิยมสมัครเรียนมากที่สุดคือปริญาตรี อย่างไรก็ตามมีนักศึกษาอีกจำนวนมากที่ตัดสินใจเรียนต่อในระดับปริญญาโทและปริญญาเอกหลังสำเร็จการศึกษา
จากการสำรวจโดย Yocket คณะเศรษฐศาสตร์ถือเป็นสาขาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจาก 6 ใน 8 สถาบัน โดยที่ Cornell University และ University of Pennsylvania (2 สถาบันที่เหลือ) โดดเด่นในสาขาการเงินและวิศวกรรมศาสตร์
สรุปคือ Ivy League เป็นกลุ่มสถาบันที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา และได้รับการยอมรับในระดับโลกถึงคุณภาพการศึกษา และโอกาสอื่นๆ ในอนาคต ทั้งยังมีเครือข่ายทางสังคมที่แน่นแฟ้นในหมู่ศิษย์เก่า – ศิษย์ปัจจุบัน
ดังนั้น หากคุณกำลังมองหาสถาบันที่อาจเปลี่ยนชีวิตคุณไปตลอดกาล หรือโอกาสที่จะประสบความสำเร็จจากความพยายามอย่างยิ่งยวด นี่อาจเป็นสถาบันในฝันที่จะพาคุณไปสู่จุดหมาย :)
ที่มา: bachelorstudies