ยุคนี้เป็นยุคที่ทั่วโลกต่างเชื่อมต่อกันได้อย่างไร้พรมแดน หลังการเติบโตของอินเทอร์เน็ตและอุตสาหกรรม IT นั่นทำให้การสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษถือเป็นทักษะสำคัญที่คนทำงานยุคใหม่ต้องมีติดตัว
Phrasal verbs หรือ “คำกริยาวลี” คือหนึ่งในประเภทของคำศัพท์ที่นิยมใช้กันแพร่หลาย โดยสิ่งนี้เกิดจากคำกริยาที่มาจากคำกริยาหลัก ตามด้วยคำบุพบทอย่างน้อยหนึ่งคำ ทำให้ได้คำใหม่ที่มีความหมายแตกต่างจากคำกริยาหลักเดิม และบางครั้งก็มีความหมายมากกว่า 1 โดยอิงจากสถานการณ์และบริบทที่ถูกนำไปใช้
เพื่อช่วยให้คุณสามารถใช้งาน Phrasal verbs ได้อย่างเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น เราจะได้นำส่วนหนึ่งของวิดีโอการสอน Robin ที่กล่าวถึงการใช้ Phrasal verbs ในที่ทำงานมาฝากกันค่ะ
ใครพร้อมแล้ว เลื่อนลงมาดูได้เลย :D
ก่อนการประชุม
ถ้าเจ้านายของคุณประสงค์ยกเลิกการประชุมหรือเข้าประชุมช้า ก็มีกริยาวลีอยู่ไม่กี่คำที่มักใช้ในกรณีนี้
1. Call off = ยกเลิกบางสิ่งบางอย่าง
ยกตัวอย่าง Some of your colleagues couldn’t attend the meeting so it has been called off. เพื่อนร่วมงานบางคนของคุณไม่สามารถเข้าร่วมการประชุมได้ ดังนั้นจึงยกเลิกการประชุม
2. Push back = เลื่อนเวลา
ยกตัวอย่าง It has now been rescheduled and pushed back to next month. มีหมายกำหนดการใหม่และเลื่อนไปเป็นเดือนหน้า
ระหว่างการประชุม
เมื่อพูดถึงหัวข้อการประชุมซึ่งมีกำหนดการที่ต้องหารือเกิดขึ้น ให้จำกริยาเหล่านี้ไปใช้
1. bring up = เอ่ยถึง
ยกตัวอย่าง You want to talk about a particular matter so you bring it up during the meeting. คุณต้องการพูดถึงประเด็นที่เฉพาะเจาะจง ดังนั้นคุณจึงเอ่ยขึ้นมาระหว่างการประชุม
2. come up with = นึกขึ้นได้ / มีไอเดียใหม่ๆ
ยกตัวอย่าง During a work discussion, you come up with a great idea. ในระหว่างการหารือ คุณก็เกิดมีไอเดียที่ดีขึ้นมา
3. take on something extra = ยอมรับกับความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้นมา
ยกตัวอย่าง Your boss wants you to take on some extra work. เจ้านายของคุณต้องการให้คุณทำงานบางอย่างเพิ่ม
วันธรรมดาที่ออฟฟิศ
ในภาษาอังกฤษมีกริยาวลีหลายคำที่สามารถปรับใช้กับสภาพแวดล้อมการทำงานได้
1. switch on = เปิดไฟอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
ยกตัวอย่าง You switch on your computer when you arrive at the office. คุณเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์เมื่อมาถึงที่ออฟฟิศ
2. Jot down = จดบันทึกข้อมูล
ยกตัวอย่าง You jot down what you need to do during the day. คุณจดสิ่งที่ต้องทำในระหว่างวัน
3. back up = ทำสำเนาไฟล์อิเล็กทรอนิกส์สำรอง
ยกตัวอย่าง You always back up your files. คุณทำการสำรองไฟไว้เสมอ
4. run out of = ของหมด
ยกตัวอย่าง It’s annoying when the printer runs out of ink. มันน่าหงุดหงิดที่เครื่องพิมพ์ดันหมึกหมด
5. get along with = เข้ากันได้ดี
ยกตัวอย่าง You get along well with your colleagues. คุณเข้ากับเพื่อนร่วมงานได้ดี
6. Carry out = ทำให้เสร็จ
ยกตัวอย่าง You carry out the tasks you are required to do. คุณบรรลุงานที่คุณต้องการทำ
วันวุ่นวายที่ออฟฟิศ
มีคำกริยาวลีที่ใช้ในชีวิตประจำวันหลายแบบซึ่งสามารถอธิบายถึงความวุ่นวายของสภาพแวดล้อมที่วุ่นวายได้ เช่น
1. stay behind = รอนานกว่าที่คิด
ยกตัวอย่าง You usually stay behind to finish work. คุณมักจะอยู่นานเพื่อทำงานให้เสร็จ
2. get snowed under = มีงานมากมาย
ยกตัวอย่าง You get snowed under with paperwork at the end of every month. คุณมีงานเอกสารมากมายในช่วงทุกๆ ปลายเดือน
3. burn out = ทำงานหนักจนเหนื่อยล้าหรือไม่สบาย
ยกตัวอย่าง Be careful not to burn yourself out and become ill. ระวังอย่างทำงานหนักจนป่วย
การคุยโทรศัพท์
เนื่องจากเราส่วนใหญ่ในปัจจุบันมีโทรศัพท์มือถือกันถ้วนหน้า จึงมักคุ้นเคยกับคำกริยาที่เกี่ยวข้องกับโทรศัพท์ดีอยู่แล้ว แต่ก็มีบางคำที่เกี่ยวข้องกับการทำงานที่ต้องรู้ เช่น
1. ring out = เสียงโทรศัพท์ดังมากและยังไม่มีใครรับ
ยกตัวอย่าง It’s frustrating when you need to speak to someone and their phone is ringing out because they are not able to answer it. มันน่าผิดหวังเมื่อต้องการคุยกับใครสักคน แต่โทรศัพท์ก็ดังอยู่อย่างนั้นไม่มีใครรับสาย
2. pick up = รับสาย
ยกตัวอย่าง Sometimes, you feel like all you are doing is picking up the phone in work. บางครั้งคุณรู้สึกเหมือนงานทุกอย่างที่กำลังทำอยู่คือการรับโทรศัพท์
3. get through = ติดต่อ
ยกตัวอย่าง When people can’t get through, they call back later. เมื่อคนนั้นไม่สามารถติดต่อได้ พวกก็โทรกลับภายหลัง
การจัดสรรบุคลากร
1. take on = จ้างพนักงานใหม่เพิ่มเติม
ยกตัวอย่าง The company is growing, we need to take on more staff. บริษัทกำลังเติบโต เราจึงต้องการจ้างพนักงานเพิ่ม
2. fill in = กรอก
ยกตัวอย่าง We need to fill in 5 new positions. เราจำเป็นต้องกรอกข้อมูลตำแหน่งใหม่ 5 ตำแหน่ง
3. lay off = เลิกจ้างงาน
ยกตัวอย่าง It’s good news because we won’t need to lay off any staff. เป็นข่าวดีเพราะเราไม่จำเป็นต้องเลิกจ้างพนักงานคนไหนเลย
คำกริยาวลีเหล่านี้ถือเป็นคำศัพท์พื้นฐานที่ใช้กันทั่วไปในแวดวงการทำงาน หากฝึกฝนและทบทวนบ่อยๆ เชื่อได้ว่าจะช่วยให้คุณสื่อสารได้เก่งขึ้นอย่างแน่นอน :)
ที่มา: blog.abaenglish.com