สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการท่องโลกยูทูบหรือแม้แต่ติดตามเพจต่างๆ เชื่อว่าต้องรู้จักสองสาว สองสไตล์ หนึ่งคือ PEACHII เจ้าของเพจและช่องยูทูปชื่อดังอย่าง “ชะนีพีชชี่ & สตีเฟ่นโอปป้า” และอีกหนึ่งสาวที่กำลังมาแรงมากในขณะนี้อย่าง “ฟ้า-ษริกา”
เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทาง GoUni เอเจนซี่ที่รับให้คำปรึกษาสำหรับผู้ที่สนใจไปเรียนต่อต่างประเทศ มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ได้จัดกิจกรรม GoUni in Chiang Mai
ซึ่งเราได้เก็บภาพบรรยากาศบางส่วน พร้อมเรื่องราวการแชร์ประสบการณ์ของทั้ง PEACHII และ ฟ้า ษริกา ผู้ซึ่งเคยไปเรียนที่ลอนดอนมาบอกเล่าให้ฟัง จะกิ๊บเก๋ยูเรก้าและน่าตื่นตาตื่นใจแค่ไหน เรามาเริ่มไปพร้อมกันเลย!
เสิร์ฟออร์เดิร์ฟเรียกน้ำย่อย ด้วยภาพบรรยากาศกิจกรรมที่เป็นกันเอง
งานนี้ได้รับเสียงตอบรับจากน้องๆ นักเรียนในจังหวัดเชียงใหม่อย่างอุ่นหนาฝาคั่ง จากที่ทีมงานแอบกระซิบว่าตอนแรกเตรียมที่นั่งไว้แค่สำหรับ 70 คน แต่พอน้องๆ มาเยอะกันขนาดนี้ ก็เลยต้องมีการแชร์เก้าอี้และนั่งแบบแน่นๆ กันหน่อย
ถึงเวลาปุ๊บ PEACHII และ ฟ้า ษริกาก็ขึ้นมาพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับน้องๆ พร้อมแนะนำการเตรียมตัวเพื่อไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ
.
นอกจากนี้ ในงานนี้ยังมีตัวแทนมหาวิทยาลัยต่างๆ ในประเทศอังกฤษมาร่วมให้คำแนะนำและตอบคำถามที่หลายคนสงสัยเกี่ยวกับการไปเรียนต่ออีกด้วย โดยแต่ละคำถามนั้นมีดังด้านล่างนี้
Q : อยากไปเรียนต่อป.โท แต่มีงบไม่ถึง 2 ล้าน ไปได้หรือเปล่า?
A : สบายมาก เนื่องจากแต่ละมหาวิทยาลัยมีทุนการศึกษามอบให้อยู่แล้ว ทั้งนี้ต้องไปศึกษาเงื่อนไขการมอบทุน และทุนแต่ละทุนก็จะช่วยเซฟค่าใช้จ่ายได้ ยังไม่นับรวมการทำงานพิเศษที่จะช่วยเพิ่มรายได้ให้นักศึกษาต่างชาติ โดยรวมตอนนี้เรียนป.โทที่อังกฤษไม่แพงเท่าเมื่อก่อนแล้ว 1 ล้านบาทก็เพียงพอแล้วจ้ะ
Q : ทุนมีประเภทไหนบ้าง?
A : ทุนเต็มจำนวน ทุนส่วนลด ทุน MBA ทุนสำหรับนักกีฬา ฯลฯ มีทุนหลากหลายประเภทที่เปิดให้นักศึกษาต่างชาติเข้ามาสมัคร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของสถาบัน
Q : ต้องใช้เกรดเท่าไหร่?
A : สำหรับทุนเต็มจำนวน โดยส่วนมากค่าเฉลี่ยเกรดจะอยู่ที่ 3.5 ขึ้นไป โดยจะได้รับการสนับสนุนทั้งค่าครองชีพ ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าวีซ่า โดยค่าใช้จ่ายเหล่านี้จะถูกจัดสรรตามเงื่อนไขทุน ส่วนทุน MBA ส่วนใหญ่จะใช้เกรดเฉลี่ย 3.00 ขึ้นไป การสนับสนุนจะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขในแต่ละปี
Q : ไม่ได้จบสายนั้นๆ มาโดยตรง แต่อยากจะเปลี่ยนสายเรียนตอนป.โท ทำได้หรือเปล่า?
A : ทำได้ภายใต้ 2 วิธีคือลงเรียน Pre-Master เพื่อเตรียมความพร้อม หรือสำหรับบางสาขา อาจต้องมีผลงานหรือผลคะแนนที่พิสูจน์ว่าเรามีความรู้เพียงพอที่จะเรียนต่อแม้ไม่ได้จบสายนั้นมาโดยตรง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาจากมหาวิทยาลัย
ทีนี้ ลองมาอ่านประสบการณ์ของทั้งสองสาวระหว่างไปเรียนในต่างประเทศกันดูหน่อยดีกว่า
ในมุม PEACHII
“เราเคยเจอความต่างจากวัฒนธรรมนะ อย่างครั้งหนึ่งสมัยเรียนมีเพื่อนชาวรัสเซียที่ชอบดึงหน้ามาก (ลากเสียงยาวพร้อมหัวเราะ) รู้สึกเหมือนโดนเกลียดตลอดเวลา เวลาเราพูดอะไรก็หน้าตึง
จนวันหนึ่งด้วยความที่เราไม่ได้ชอบให้อะไรมันค้างคา ก็เลยเข้าไปถามเลยว่ายู ยูโอเคมั้ย บางทีไอก็รู้สึกเหมือนไอทำให้ยูโกรธ แต่ที่เขาตอบกลับมาคือ “อ๋อ ไม่หรอก แค่คนรัสเซียไม่ชอบยิ้มน่ะ” (เสียงหัวเราะ)
เราก็เลยอ๋อ เริ่มเก็ตว่าเขาไม่ได้อะไรกับเรา แค่เป็นสไตล์เขาเฉยๆ หลังจากนั้นก็เลยกลายมาเป็นเพื่อนที่จนถึงตอนนี้ก็ยังติดต่อกัน”
“สิ่งหนึ่งที่อยากฝากสำหรับน้องๆ ที่จะไปเรียนต่อก็คือ อย่าเอาปัญหาเหล่านี้มาเป็นเรื่องส่วนตัว เพราะมันมีโอกาสเยอะมากที่เราจะเจอกับความแตกต่างแบบนี้แล้วเก็บมาคิดมากคนเดียว ซึ่งมันจะส่งผลกับการเรียนและการเข้าสังคมของเราด้วยนะ
มันอาจทำให้เราปิดประตูที่จะได้โอกาสมีเพื่อนใหม่หรือเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ทั้งที่จริงแล้วมันอาจเป็นแค่สไตล์ของคนคนนั้นก็เป็นได้”
“เวลาเราเจอความแตกต่างและเราพร้อมจะเรียนรู้มันจะทำให้เราเติบโตมากขึ้น และนั่นเป็นพอยท์ที่ดีสำหรับการไปเรียนต่อต่างประเทศ”
ในมุม ฟ้า ษริกา
“การไปเรียนต่างประเทศมันก็เหมือนการไปอยู่ต่างที่นานๆ มันทำให้เราไม่ได้โฟกัสแค่เรื่องเรียนอย่างเดียว มันมากกว่านั้น เพราะเรียนจริงๆ มันแค่ไม่กี่ชั่วโมง แต่ที่เหลือคือเราต้องไปใช้ชีวิตอยู่ข้างนอก ต้องอยู่กับคนที่นู่น ปรับตัวกับวัฒนธรรมที่นู่น”
“จริงๆ มันสนุกนะ แต่เราต้องพยายามปรับตัวเยอะหน่อย เพราะพอเจอความแตกต่างสำหรับบางคนอาจรู้สึกว่าเป็นเรื่องยากที่จะเปิดใจ แต่สำหรับฟ้า ฟ้าว่าไม่นะ คือเข้าใจว่าด้วยนิสัยแบบคนไทยบางคนไม่ได้ชอบที่จะเปิดบทสนทนาก่อน
แต่สิ่งหนึ่งที่ได้เรียนรู้คือฝรั่งเขาก็กลัวคนไทยเหมือนกัน จริงๆ นะ คือบางคนเขาก็อยากจะเข้าหา แต่พอเห็นว่าคนไทยอยู่เป็นกลุ่ม แล้วก็มักจะไม่พูดภาษาอังกฤษเวลาอยู่ด้วยกัน ฝรั่งก็จะกังวลว่าเข้าไปทักแล้วคนไทยจะโอเคมั้ย อะไรแบบนี้
ด้วยความโชคดีที่ฟ้ามีเพื่อนต่างชาติเยอะ พอเราได้รู้แบบนี้ก็เลยทำให้รู้สึกว่า เออ จริงๆ เราก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่”
“ถ้าให้แนะนำคือเราเริ่มก่อนเลย เพราะพอเราเป็นคนเริ่มทักทาย อีกฝ่ายก็จะรู้สึกว่าเราเปิดรับเขานะ อาจเริ่มจากการทักทาย ถามชื่อ มาจากประเทศไหน หรือบางทีอาจมีถามว่าพักอยู่ที่ไหน เผื่อพักอยู่ที่เดียวกันก็เหมาะเลย (หัวเราะ)”
“คัลเจอร์ช็อกไม่ค่อยมีผลนะ นอกเสียจากว่าคิดถึงอาหารไทย (หัวเราะ) เพราะเรายอมรับในความแตกต่างมั้ง เลยทำให้รู้สึกว่าคนเราไม่ต่างกันเท่าไหร่
สิ่งหนึ่งที่เพื่อนชาวต่างชาติบอกว่าเราต่างกันคือการแสดงออก เพราะคนไทยชอบฟัง ไม่ค่อยพูด เวลาถามบางทีก็เอาแต่พยักหน้า เข้าใจนะว่าบางคนไม่ค่อยมั่นใจในการพูด แต่สำหรับฝรั่งมันทำให้เขารู้สึกอึดอัด เพราะเขาไม่รู้ว่าเราโอเคมั้ย”
“ทริคง่ายๆ ที่ทำให้การใช้ชีวิตในต่างประเทศเป็นเรื่องสนุกคือการยอมรับว่าเค้าแตกต่างจากเรา และเราแตกต่างจากเค้าด้วย พอเรายอมรับได้แล้ว เราก็จะไม่มีกำแพงมาขวาง ทำให้เข้าใจกันได้มากขึ้น”
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งมุมมองที่มีสีสัน และมอบความแปลกใหม่ให้กับชีวิตจริงๆ ยังมีบทสัมภาษณ์สุดพิเศษจากทั้งสองสาวที่เราจะนำมาเล่าให้อ่านกันอีกวันหลัง อย่าลืมติดตามกันนะ ❤
สำหรับใครที่สนใจกิจกรรมดีๆ แบบนี้ ในครั้งหน้าเราจะนำข่าวสารมาบอกต่ออย่างแน่นอน แต่สำหรับคนที่อยากได้คำแนะนำเกี่ยวกับการไปเรียนต่อที่งกฤษ สามารถเข้าไปขอคำแนะนำหรือปรึกษากับทีม GoUni ได้เลย :)