นับเป็นอีกหนึ่งการสูญเสียสำหรับวงการบันเทิงของบ้านเรา กับการจากไปของโกโบริหนุ่ม “โอ วรุฒ วรธรรม” ผู้สร้างตำนานคู่กรรมที่ตราตรึงใจแฟนๆ ชาวไทยจนถึงทุกวันนี้
ย้อนกลับไปในสมัยที่พี่โอ ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ชนิดที่ว่ามีแฟนๆ ตามไปขอลายเซ็นถึงบ้านทุกวี่วันจนหัวกระไดไม่แห้ง หลังการเปิดตัวที่ประสบความสำเร็จสูงสุด กับบท “โกโบริ” นายทหารหนุ่มรูปงามจากแดนอาทิตย์อุทัย คู่กับพี่แหม่ม จินตรา อังศุมาลินในยุคนั้น
ถ้าถามว่าความนิยมในสมัยนั้นรุนแรงมากแค่ไหน ก็มากขนาดที่ว่า แฟนๆ นำกล้องถ่ายรูปส่วนตัว (ซึ่งในสมัยนั้นยังไม่แพร่หลายเท่ากับในยุคนี้) เข้าไปในโรงหนังเพื่อถ่ายรูปพี่โอในภาพยนตร์ มีทั้งการถ่ายรูปคู่กับโปสเตอร์ที่ใช้โปรโมทหนัง และโรงหนังหลายแห่งยังเผยด้วยว่า มีโปสเตอร์ของพี่โอถูกขโมยไปซะด้วย
หลังจากแจ้งเกิดกับบทของโกโบริแล้ว พี่โอก็ได้เล่นภาพยนตร์อีกหลายเรื่อง เช่น เขาชื่อกานต์ โก๊ะจ๋าป่านะโก๊ะ ก่อนจะผันไปเฉิดฉายในจอแก้วด้วยการเป็นพระเอกละครในหลายเรื่องด้วยกัน
พี่โอยังเป็นนายแบบแนวหน้า ได้ขึ้นปกนิตยสารหลายเล่มเลยล่ะ
.
.
พร้อมกันนั้นก็ได้รับโอกาสเป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์ ซึ่งรายการที่สร้างชื่อให้กับพี่โออีกครั้ง คือ “โอโน่โชว์” คู่กับเพื่อนซี้ พี่นีโน่ เมทนี ที่ได้รับความนิยมมากถึงขนาดที่ว่าในภายหลังมีการจัดคอนเสิร์ตของรายการนี้ขึ้นมาเลยทีเดียว
ความรักความผูกพันของพี่โอ พี่โน่นั้นเป็นที่รู้กันดีทั่ววงการว่ายิ่งกว่าสนิท ทั้งคู่เป็นเพื่อนที่คอยประคับประคอง คอยดูแลกันมาเสมอ เรียกได้ว่าเป็นคู่ซี้ที่ใครๆ ต่างก็ประทับใจ
นอกจากฝีมือการแสดงในวงการบันเทิงที่สร้างชื่อแล้ว ประวัติชีวิตของพี่โอก็ไม่ธรรมดา พี่โอเป็นลูกชายของนักแสดงอาวุโส คุณแรม วรธรรม กับคุณอรพิน กุญชร ณ อยุธยา
สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน รุ่น 135 (BCC135)หลังจากนั้นจึงเดินทางไปเรียนต่อด้านการบินที่ประเทศอังกฤษ ก่อนจะตัดสินใจยุติการเรียนเพื่อมุ่งหน้าเข้าสู่วงการบันเทิงอย่างเต็มตัว
หลังจากที่ออกจากวงการบันเทิง พี่โอได้มาทำธุรกิจเล็กๆ อยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อดูแลสุขภาพที่ต้องได้รับการบำบัดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแฟนๆ ส่วนใหญ่ก็ยังตามไปอุดหนุน แม้ว่าธุรกิจนี้จะไปได้ไม่ค่อยดีนักก็ตาม
ทั้งหมดนี้ คือช่วงชีวิตหนึ่งของดาวจรัสเเสงเเห่งวงการบันเทิง ผู้ที่ครั้งหนึ่ง เคยเฉิดฉายและตราตรึงภาพจำเอาไว้ในหัวใจของแฟนๆ และคงอยู่อย่างนั้นไปตลอดการ