การเรียนต่อในสหรัฐอเมริกามีความหลากหลายที่จะช่วยเพิ่มโอกาสสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนในระดับอุดมศึกษา นอกเหนือไปจากการสมัครเข้าเรียนตามสถาบันที่มีชื่อเสียงต่างๆ ยังมีอีกตัวเลือกหนึ่งที่ใช้งบน้อยกว่า และมีประสิทธิภาพมากเช่นกัน นั่นคือ “Community Colleges”
Community Colleges คืออะไร?
Community Colleges นิยมเรียกกันว่าวิทยาลัยชุมชน หรือวิทยาลัย 2 ปี ซึ่งอ้างอิงจากจำนวนปีศึกษาตามระบบการสอน โดยสถาบันที่เปิดเป็น Community Colleges นั้นจะได้รับการสนับสนุนและให้การรับรองโดยรัฐบาลสหรัฐฯ
นักศึกษาที่ลงทะเบียนเรียนในหลักสูตรของ Community Colleges นี้จะใช้เวลา 2 ปีในการศึกษา โดยแบ่งภาคเรียนออกเป็นระบบต่างๆ ดังนี้
– ระบบ Semester : เป็นระบบหนึ่งที่นิยมใช้มากที่สุด หนึ่งปีแบ่งเป็น 2 ภาคการศึกษา และแต่ละภาคการศึกษาจะใช้เวลาเรียนประมาณ 16 สัปดาห์
– ระบบ Quarter : หนึ่งปีการศึกษาจะแบ่งภาคเรียนออกเป็น 4 ภาค แต่ละภาคจะใช้เวลาเรียนประมาณ 10 สัปดาห์
– ระบบ Trimester : แบ่งเป็น 3 ภาคการศึกษาในหนึ่งปี
– ระบบ 4-1-4 : เป็นระบบใหม่หลายสถาบันในสหรัฐฯ เริ่มนำมาใช้โดยจัดแบ่งปีการศึกษาออกเป็น 2 ภาคใหญ่ คั่นด้วยภาคเรียนสั้นๆ ที่เรียกว่า “Interim” เพื่อให้นักศึกษาไปทำการค้นคว้าด้วยตนเองหรือออก “Field Trip”
แล้วเรียน Community Colleges มีหลักสูตรไหนให้เลือกบ้าง?
หลักๆ ที่ผู้เรียนสามารถเลือกได้ จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ
1. Transfer Track
หลักสูตรนี้จะคล้ายๆ กับอนุปริญญาของบ้านเรา โดยจะได้เรียนพื้นฐานของปริญญาตรีในช่วง 2 ปีแรก ซึ่งผู้เรียนจะต้องวิชาบังคับ (General Education Requirements) จากนั้นจึงจะสามารถโอนหน่วยกิต (Transfer) ไปยังมหาวิทยาลัยอื่นๆ (ได้ทั้งรัฐและเอกชน) เพื่อเรียนต่ออีก 2 ปี จึงจะได้วุฒิปริญญาตรี
สิ่งสำคัญคือเกรดเฉลี่ยขณะที่เรียนในหลักสูตรนี้จะเป็นตัววัดว่าคุณจะได้รับการตอบรับเข้าสถาบันหลังจากนี้ไหม ดังนั้นจึงต้องรักษาผลการเรียนให้ดีเพื่อเพิ่มโอกาสสอบติดสถาบันที่มีชื่อเสียงในอนาคต
2. Vocational Track
หลักสูตรอนุปริญญาสายวิชาชีพหลังเรียนจบใน 2 ปีแล้ว ผู้เรียนจะได้รับวุฒิอนุปริญญา (Associate Degree) ตามสาขาที่เรียนมา เช่น คอมพิวเตอร์ เลขานุการ เขียนแบบ ฯลฯ
ข้อดีของการเลือกเรียน Community Colleges
Community Colleges ถือเป็นทางเลือกที่ใช้เวลาน้อยกว่าในการศึกษา และเป็นการเพิ่มโอกาสที่จะได้เข้าเรียนในสถาบันที่มีชื่อเสียงของสหรัฐอเมริกาเนื่องจากสามารถเทียบโอนหน่วยกิตได้
นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่าการสมัครเข้าเรียนมหาวิทยาลัยโดยตรงเพราะค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ประมาณ ปีละ 8,000 – 15,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 285,600 – 535,500 บาท) ซึ่งก็ใกล้เคียงกับการเรียนในบ้านเราเลยค่ะ
แถมด้วยความที่เป็นวิทยาลัยทางเลือก ข้อกำหนดด้านคะแนนสอบภาษาอังกฤษยังต่ำกว่าเกณฑ์คือ IELTS จะอยู่ 5.0 ขึ้นไป (มหาวิทยาลัยอื่นๆ ส่วนใหญ่จะอยู่ 6.5 โดยเฉพาะการขอทุน) บางสถาบันก็ไม่มีข้อกำหนดคะแนนเหล่านี้ จึงเหมาะสำหรับคนที่อยากมองหาตัวเลือกที่การแข่งขันไม่สูงนัก
นอกจากนี้ ด้วยความที่วิทยาลัยเหล่านี้มีขนาดเล็ก ทำให้อาจารย์ผู้สอนสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับผู้เรียนได้ค่อนข้างดี และอุปกรณ์การเรียนรวมถึงความสะดวกอื่นๆ ก็ค่อนข้างทั่วถึง ไม่ต้องแย่งกันใช้อย่างมหาวิทยาลัยใหญ่ๆ ด้วยค่ะ
ในส่วนของทุนสนับสนุน แม้ว่าจะเป็นวิทยาลัยชุมชน แต่ก็มีทุนมากมายคอยให้การสนับสนุนสำหรับนักศึกษาต่างชาติ โดยสามารถดูตัวอย่างทุนได้ที่นี่เลยค่ะ
ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกดีๆ ที่เพิ่มโอกาสให้ผู้ที่ใฝ่ฝันอยากเรียนต่อในสหรัฐอเมริกาได้ลองพิจารณา ไม่แน่ว่ามันอาจตอบโจทย์ที่หลายคนกำลังมองหาก็ได้นะคะ :)
ที่มา: