บางครั้งความผิดพลาดเล็กๆ ก็อาจนำไปสู่ความไม่ประทับใจในวงกว้าง โดยเฉพาะสำหรับการสมัครงาน หรือการติดต่อที่เป็นทางการ
โดยเฉพาะในการใช้ภาษาอังกฤษที่ค่อนข้างมีกฎการใช้ที่หลากหลาย และมีมาตรฐานความเชี่ยวชาญที่ถูกคาดหวัง การปล่อยความผิดพลาดเล็กๆ ตั้งแต่การสะกดผิด หรือการใช้ไวยากรณ์ที่ไม่ถูกต้อง อาจทำให้คุณถูกมองว่าเป็นพวก “ไม่เป็นมืออาชีพ” เลยก็เป็นได้
ด้วยเหตุนี้เราจึงได้รวบรวม 6 เรื่องที่คนใช้ผิดประจำ พร้อมคำแนะนำที่จะทำให้คุณเข้าใจง่ายและไม่ใช้ผิดอีกแน่นอนมาฝากกันค่ะ :)
#1 Fewer vs. Less
– ใช้ Fewer เมื่อสามารถนับจำนวนสิ่งที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ได้ เช่น “Fewer than the required number of people passed the test.”
– ใช้ Less เมื่ออธิบายแนวคิดที่จับต้องไม่ได้ เช่น เวลา เช่น “It took me less time to complete the paper.”
#2 Which vs. That
– ใช้ Which เมื่อสามารถลบ Which ออกได้โดยไม่เปลี่ยนความหมายของประโยค
– ใช้ That เมื่อไม่สามารถลบออกโดยไม่เปลี่ยนความหมายของประโยค ให้ใช้ That
– ถ้าวลีหรือประโยคถูกชดเชยด้วยเครื่องหมายจุลภาค (,) สามารถใช้ Which แทนได้
– หากในประโยคไม่จำเป็นต้องใส่เครื่องหมายจุลภาค (,) ก็สามารถใช้ That ในประโยคนั้นได้
#3 Into vs. In to
– Into มักแสดงถึงการบ่งบอกการเคลื่อนไหว เช่น “I walked into the office twenty minutes late.”
– ส่วน In to นั้นสามารถใช้ได้หลายรูปแบบ และมักไม่มีความสัมพันธ์กับการเคลื่อนไหว เช่น “I was called in to go over the reports.”
#4 Like vs. Such as
– Like มักจะถูกใช้ในประโยคสนทนาหรือคำพูดที่เป็นไปเองตามธรรมชาติ
– Like มักจะใช้เปรียบเทียบสองสิ่งที่เหมือนกัน เช่น “My stupid dog barks like every other dog.”
– Such as จะถูกใช้เพื่อยกตัวอย่าง เช่น “My stupid dog has many annoying qualities, such as his tendency to bark loudly late in the night.”
#5 Me vs. I
– Me เป็นคำสรรพนามที่ถูกกระทำ เช่น “Cookie Monster loves me.”
– I เป็นคำสรรพนามที่เป็นผู้กระทำ เช่น “I love cake.”
#6 Advise vs. Advice
– To advise (ลงท้ายด้วย s) เป็นคำกริยา หมายถึงให้คำแนะนำ
– Advice (ลงท้ายด้วย c) เป็นคำนาม หมายถึงการแนะนำ
– *ทริคการจำ* Advisors advise
แม้ว่าในปัจจุบันโลกจะเปิดกว้างกับความผิดพลาดเหล่านี้มากยิ่งขึ้น แต่การใช้ให้ถูกหลักภาษาย่อมดีกว่าแถมยังช่วยให้คุณพัฒนาทักษะได้รอบด้าน ใครที่กำลังฝึกฝนอยู่ สามารถนำเทคนิคและข้อสังเกตเหล่านี้ไปใช้ได้นะคะ :)
ที่มา: thelanguagenerds