ในบันทึกของประวัติศาสตร์ราชวงศ์อังกฤษ มีสุภาพสตรีหลายคนถูกจารึกเอาไว้ในฐานะ “บุคคลสำคัญที่นำไปสู่เรื่องอื้อฉาว”
และหากจะเอ่ยถึงตำนานรักเรื่องดังที่สร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วสหราชอาณาจักร (บางทีอาจถึงกับทั่วโลก) เรื่องเล่าของ “Wallis Simpson” คือหนึ่งในเรื่องราวที่ยังคงถูกพูดถึงแม้ทุกวันนี้
ใครคือ Wallis Simpson ?
หญิงสาวหน้าตาสะสวย กริยามารยาทและการเข้าสังคมที่สมบูรณ์แบบ เป็นดังเพชรน้ำงามที่หนุ่มๆ ต่างใฝ่หา ความทันสมัยและทรงเสน่ห์ฉบับหญิงสาวจากอเมริกาได้เปล่งประกายเสียจนต้องตาต้องใจเจ้าชายแห่งอังกฤษ
ย้อนกลับไปในปี 1896 เด็กหญิง Bessie Wallis Warfield ได้ถือกำเนิดขึ้น เธอเติบโตในบอลทิมอร์ รัฐแมรีแลนด์
ชีวิตของเธอกลับไม่ง่ายนัก เพราะหลังจากลืมตาดูโลกได้ไม่นาน บิดาของเธอก็จากไปทำให้ทั้งเธอและมารดาต้องอาศัยอยู่ใต้ความช่วยเหลือจากญาติๆ
ลุงเขยของเธอ Solomon Davies Warfield จัดการส่ง Wallis ให้เข้าเรียนในโรงเรียนหญิงล้วนที่แพงที่สุดของรัฐ มอบความหรูหราจนเพื่อนๆ ที่ใกล้ชิดกล่าวว่าเด็กหญิง Wallis คือหนึ่งในนักเรียนอันดับต้นๆ ผู้แต่งตัวได้โอ่อ่ากว่าใคร และทรงเสน่ห์เสียจนเพื่อนๆ ต่างก็อยากใกล้ชิด
แม้จะได้รับการเลี้ยงดูที่ดี และความรักที่ท้วมท้น แต่การต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขจนไร้ซึ่งอิสระในชีวิตของตัวเอง สิ่งเหล่านี้ทำให้เด็กสาวใฝ่ฝันถึงชีวิตที่มั่นคงและไร้ซึ่งความกังวลดังที่ผ่านมา
ชีวิตสมรสครั้งแรก….และครั้งที่สอง
เธอผ่านวัยเด็กเข้าสู่วัยสาว และเข้าพิธีวิวาห์ครั้งแรกในวัย 19 ปีกับ Earl Winfield Spencer Jr. นักบินของกองทัพเรือสหรัฐฯ ผู้เป็นที่รู้กันว่าดื่มเก่งจนติดเป็นนิสัย ทั้งยังต้องเดินทางไปทั่วเพราะงานที่ทำ
ท่ามกลางความสัมพันธ์ที่หวือหวา เดี๋ยวร้ายเดี๋ยวรัก ในปีที่ 11 ทั้งคู่ตัดสินใจหย่าร้างจากกัน
ต่อมา Ernest Aldrich Simpson ผู้บริหารบริษัทขนส่งทางเรือซึ่งตกหลุมรัก Wallis ตั้งแต่ครั้งที่เธอยังไม่ได้หย่าขาดจากสามี เมื่อทราบข่าวที่เกิดขึ้นเขาจึงขอเธอแต่งงานในทันที
ไม่มีใครรู้ว่าในใจของหญิงสาวคนนี้คิดเห็นอย่างไร ทว่าไม่นานหลังจากนั้นก็มีโทรเลขส่งมาถึง Ernest พร้อมข่าวดีที่ทำให้ชีวิตคู่ของทั้งสองเริ่มต้นขึ้น
เส้นทางสู่การเป็น “คู่ควงของเจ้าชาย”
หลังสมรส คู่สามีภรรยา Simpson เริ่มออกงานสังคมและผูกมิตรกับชนชั้นสูงในหลากหลายแวดวง หนึ่งในนั้นคือ “Lady Furness” ที่ว่ากันว่าเธอเป็น “กิ๊ก” ของเจ้าชาย Edward (ที่ในขณะนั้นดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าชายแห่งเวลส์)
Lady Furness ถือเป็นคู่ควงที่รู้จักกันดีในแวดวงสังคมขณะนั้นของเจ้าชายคนดังที่ขึ้นชื่อเรื่องความเจ้าสำราญและทรงเสน่ห์ ครั้งหนึ่งที่งานใน Burrough Court จุดเริ่มต้นของเรื่องอื้อฉาวครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ราชวงศ์ได้เกิดขึ้นหลังจากที่ Furness ได้แนะนำให้เจ้าชายรู้จักกับ Wallis Simpson
ว่ากันว่าทรงตกหลุมรักดวงตาพราวเสน่ห์ที่ทำให้คนทั้งโลกยอมสยบ บ้างก็ว่ากันว่านิสัยที่สนุกสนาน ไม่ยอมใครและซื่อตรงประทับในหัวใจของพระองค์อย่างยากจะลืมเลือน
หลังจากนั้น ชีวิตรักแบบไม่ลับนักก็เริ่มต้นขึ้น เจ้าชายทรงเชื้อเชิญสามีภรรยา Simpson ให้เป็นแขกส่วนพระองค์บ่อยครั้ง เล่ากันว่า Ernest ได้รับผลประโยชน์มากมายจากการที่ภรรยาของเขากลายเป็น “กิ๊กคนใหม่” ของว่าที่กษัตริย์แห่งอังกฤษ พวกเขาทั้งคู่กลายเป็นคนดังที่ไม่ว่าใครก็อยากเชิญไปร่วมงาน
ท่ามกลางความหลงใหลที่มีให้กับความสัมพันธ์เหล่านี้ ทั้ง Wallis และ Ernest ต่างรับรู้ดีว่าไม่นานทุกเรื่องราวก็ต้องยุติลงเมื่อเจ้าชายทรงขึ้นครองบัลลังก์
การหย่าร้างครั้งที่สาม
ในเดือนมกราคม ปี 1936 ราชวงศ์อังกฤษต้องพบกับความสูญเสียเมื่อพระเจ้า George V ทรงสวรรคตและเจ้าชายแห่งเวลส์ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นกษัตริย์พระองค์ใหม่ในชื่อ “Edward VIII”
ขณะที่ Wallis เตรียมถอนตัวออกจากความสัมพันธ์รักที่อื้อฉาว เหตุการณ์ที่ยุ่งเหยิงก็ปะทุขึ้นมาอีกครั้งเมื่อพระเจ้า Edward VIII ทรงขอเธอแต่งงาน (ทั้งยังขอให้ Ernest หลีกทางไปเสีย)
ไม่มีใครรู้ดีเท่ากับคนทั้งสามว่าการตกลงในความสัมพันธ์เป็นไปอย่างไร ทว่าไม่นานหลังจากนั้น Wallis ก็หย่าขาดจากสามีและเตรียมพร้อมที่จะเป็นขึ้นเป็นราชินีเคียงข้างบุรุษที่รักเธอล้นหัวใจ
ทว่า Wallis ไม่มีวันจะได้ขึ้นเป็นควีน แม้นั่นจะเป็นประสงค์แห่งราชา เพราะการขึ้นครองบัลลังก์ทำให้พระเจ้า Edward VIII ต้องพ่วงตำแหน่งผู้นำแห่งศาสนาจักร ซึ่งมีกฎว่าบุคคลหนึ่งจำต้องครองคู่กับคู่สมรสไปจนชั่วชีวิต…
ดังนั้นแล้วการที่ประมุขแห่งบัลลังก์ประกาศความประสงค์ที่จะวิวาห์กับหญิงสาวผู้เคยผ่านการหย่าร้างมาแล้วถึง 2 ครั้งจึงเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ การถกเถียงและการแสดงออกถึงความไม่ยอมรับดำเนินต่อไปอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง จนกระทั่งเหตุการณ์ในประวัติศาตร์เวียนมาถึง…วันที่พระเจ้า Edward VIII ทรงลงพระนามในเอกสารสละราชบัลลังก์
วันที่ 10 ธันวาคม ปี 1936 ทั่วทั้งอังกฤษระส่ำระส่าย เกิดความปั่นป่วนไปทั่วเมืองเมื่ออยู่ๆ กษัตริย์ของพวกเขาได้ตัดสินใจสละราชบัลลังก์เพียงเพื่อจะได้แต่งงานกับหญิงม่ายชาวอเมริกัน
ข่าวนี้สร้างความวุ่นวายและผลกระทบในวงกว้างจนทำให้ Wallis ต้องลี้ภัยไปอยู่ที่ฝรั่งเศสชั่วขณะเนื่องจากกระแสต่อต้านจากประชาชนในเวลานั้น
หญิงสาวผู้พรากกษัตริย์ลงจากบัลลังก์
“ข้าพเจ้าไม่สามารถดำรงตำแหน่งในฐานะกษัตริย์ได้ หากปราศจากการสนับสนุนจากหญิงอันเป็นที่รัก“
นี่คือถ้อยแถลงที่พระเจ้า Edward VIII ทรงกล่าวผ่านสื่อใหญ่อย่าง BBC หลังจากสละแล้วซึ่งทุกสิ่งในเวลาหนึ่งเดือนต่อจากนั้นพระองค์ก็ได้สมรสกับ Wallis Simpson สมใจปรารถนา
โดยอดีตกษัตริย์ได้รับการสถาปนายศใหม่เป็น Duke of Windsor นั่นทำให้ Wallis กลายเป็น Duchess ไปโดยปริยาย ทว่าไม่สามารถเป็นสมาชิกชั้นสูงของราชวงศ์ได้เนื่องด้วยการไม่ถูกยอมรับนั่นเอง
ชีวิตของซินเดอเรลล่าจากอเมริกากลายเป็นเรื่องเล่าลือที่สนุกสนาน หลายคนอ้างว่าสิ่งที่ Wallis ต้องการคือชื่อเสียงและเงินตรา บ้างกล่าวหาว่าเธอคือมารร้ายผู้พรากกษัตริย์ลงจากบัลลังก์ที่คู่ควร และอีกมากมายที่ถูกแต่งเติมเพื่อทำให้เรื่องนี้กลายเป็นนิยายขายดีไปทั่วโลก
หลังการสมรสที่ควรจะหวานชื่น ดยุคและดัชเชสแห่งวินเซอร์กลายเป็นดังคนถูกเนรเทศ ถูกตัดขาดจากครอบครัวจนต้องหลบหน้าหลบตาไปจากวงสังคมโดยว่ากันว่าทั้งคู่ได้ย้ายไปอยู่ทั้งในฝรั่งเศสและเยอรมนี จนกระทั่งในช่วงสุดท้ายของชีวิตจึงได้เลือกลงหลักปักฐานที่กรุงปารีส
บั้นปลายชีวิต
ปี 1972 ชีวิตที่เคยอบอุ่นเพราะความรักที่มีให้กันและกันต้องสั่นคลอน เมื่อดยุคแห่งวินด์เซอร์ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งก่อนจะจากโลกนี้ไป ทิ้งให้ Wallis Simpson ต้องกลายเป็นหญิงม่ายอีกครั้ง
เมื่อไร้ซึ่งชายที่รักยิ่ง สถานะของ Wallis ที่มีต่อราชวงศ์ยิ่งด้อยค่า เธอถูกตัดขาด เก็บตัวเงียบอยู่ในบ้านที่เคยพำนักร่วมกับสามี
ความเงียบเหงาและเปล่าเปลี่ยวทำให้นานวันเขาเธอกลายเป็นคนแก่ที่อ่อนล้าทั้งกายและใจ สุขภาพที่เคยแข็งแรงก็เริ่มโรยราลงอย่างรวดเร็ว ในท้ายที่สุดเธอกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงและจากไปในวัย 89 ปีเมื่อวันที่ 24 เมษายน ปี 1986 ที่บ้านใน Bois de Boulogne ณ กรุงปารีสนั่นเอง
นี่คือการปิดตำนานของ Wallis Simpson หญิงสาวพราวเสน่ห์ผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่จดจำในฐานะสุภาพสตรีผู้สั่นคลอนบัลลังก์แห่งอังกฤษที่ขึ้นชื่อว่าเข้มงวดที่สุดในประวัติศาสตร์
“เธอสวย มีไหวพริบ และทรงเสน่ห์มากที่สุดเท่าที่หนุ่มๆ ในยุคนั้นจะได้พานพบในตัวของหญิงสาวคนหนึ่ง ไม่แปลกใจเลยที่เธอจะได้ครอบครองหัวใจของเจ้าชาย” คำกล่าวที่อ้างถึง Wallis ยังคงเป็นที่จดจำมาจนถึงทุกวันนี้
จากเรื่องเล่ามากมายที่เราได้อ่าน ชะตากรรมของ Wallis Simpson ก็ไม่ต่างจากหญิงสาวธรรมดาที่ใฝ่หาความรักในชีวิต ทว่าเพราะเธอเป็นหญิงม่าย และเพราะบุรุษที่รักเธอจนยอมสละทุกอย่างคือชายผู้อยู่บนบัลลังก์ นั่นทำให้ตำนานรักในครั้งนี้ไม่ได้จบลงอย่างสวยงามเช่นในเทพนิยาย
ที่มา: biography ,townandcountrymag