เชื่อว่าการได้เดินทางไปแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศ คือหนึ่งในประสบการณ์ที่หลายคนตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าจะต้องทำให้สำเร็จให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต และโชคดีที่ในยุคนี้มีโครงการมากมายที่ตอบโจทย์ความฝันนี้ในรูปแบบที่หลากหลาย
โดยโครงการที่เราอยากจะแนะนำในวันนี้ถือเป็นอะไรที่แตกต่างไปจากโครงการอื่นๆ ที่หลายคนเคยรู้จัก เพราะนอกจากจะต้องมีทักษะเฉพาะแล้ว คุณยังต้องมีใจ “รักเด็ก” อีกด้วย
ถูกแล้วอย่างที่คุณคิด! เราหมายถึงโครงการ AUPAIR ที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบันสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไปแลกเปลี่ยนต่างประเทศในฐานะ “พี่เลี้ยงเด็ก” ซึ่งนอกจากจะเป็นประสบการณ์ที่ดีในการเรียนรู้ชีวิตแล้ว ยังเปิดโอกาสให้คุณเรียนรู้ทักษะอื่นๆ อีกด้วย
มาทำความรู้จักโครงการนี้ไปพร้อมๆ กันเลยดีกว่า
AUPAIR คืออะไร?
AUPAIR เป็นโครงการแลกเปลี่ยนที่ส่งเสริมให้ผู้เดินทางได้เรียนรู้วิถีชีวิตของประเทศที่เลือกไป ซึ่งจะมีทั้งในแถบสหรัฐอเมริกาและยุโรป โดยผู้เข้าร่วมจะต้องทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเด็กให้กับครอบครัวที่ทำการตอบรับ ใช้ชีวิตอยู่กับพวกเขา และเรียนรู้ไปพร้อมๆ กัน
*ไม่ใช่การจ้างงานแบบที่เข้าใจกันทั่วๆ ไป เพราะเป็นโครงการที่มีระยะเวลากำหนด*
ระยะเวลาที่เข้าร่วมโครงการ:
ปกติแล้วจะอยู่ที่ 1 – 2 ปี
อยากจะทำ AUPAIR ต้องมีคุณสมบัติอย่างไร?
– อายุระหว่าง 18 – 26 ปี
– จบการศึกษาระดับปริญญาตรี
– มีชั่วโมงเลี้ยงเด็กอย่างน้อย 400 ชั่วโมง (2 References) แบบเป็นทางการ 1 แห่ง (จากสถานรับลี้ยงเด็ก,โรงพยาบาล) เท่านั้น และแบบไม่เป็นทางการ 1 แห่ง (ออแพร์สามารถเก็บชั่วโมงได้หลังจากเข้าร่วมโครงการ)
– สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษ ฟัง พูด อ่าน เขียน ได้ในระดับปานกลาง
– ต้องไม่มีประวัติอาชญากรรม : สามารถขอใบรับรองจาก จาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
– สุขภาพแข็งแรง
– สามารถขับรถได้ และมีใบขับขี่รถยนต์ (สามารถสอบได้หลังจากเข้าร่วมโครงการ)
– รักที่จะทำงานกับเด็ก มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในกิจกรรมต่างๆ
– มีความเป็นผู้ใหญ่ มีความรับผิดชอบ ปรับตัวเข้ากับผู้อื่นได้ง่าย มีความกระตือรือร้น มีบุคลิกและเจตคติที่ดีในการเป็นตัวอย่างแก่เด็กๆ
*ข้อมูลจาก aupairthailand
ค่าใช้จ่ายในการสมัคร:
ในส่วนนี้่ค่าใช้จ่ายจะแตกต่างกันไปตามแต่ละเอเจนซี่ที่คุณเลือก อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ควรเตรียมไว้คือ
– ค่าโครงการอยู่ที่ราวๆ 30,000 บาท (ขึ้นอยู่กับเอเจนซี่ที่คุณเลือก)
– ค่าวีซ่า (ขึ้นอยู่กับประเทศที่ไป)
– ค่าตรวจสุขภาพ (ขึ้นอยู่กับโรงพยาบาลที่เลือกตรวจ)
– ค่าทำใบขับขี่สากล (สามารถสอบถามได้ที่ขนส่ง)
– ค่าขอใบรับรองประวัติอาชญากรรม (ประมาณ 150 บาท)
– ค่าประกันอื่นๆ (แล้วแต่เลือก)
– ค่าใช้จ่ายส่วนตัวพอให้อุ่นใจ
ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายทุกอย่างอาจมีปัจจัยอื่นๆ มาเสริมอีก เช่น ค่าเดินทาง ค่าประกัน และอื่นๆ จึงควรศึกษาให้ดี
วิธีสมัคร:
การสมัครเป็น AUPAIR มีให้เลือกได้ 2 รูปแบบคือสมัครผ่านเอเจนซี หรือเลือกที่จะดำเนินการด้วยตัวเอง ซึ่งหากเป็นแบบแรกในประเทศไทยก็มีหลายองค์กรเปิดรับให้คำปรึกษาในเรื่องนี้ คุณจะสามารถเลือกองค์กรที่สนใจและติดต่อเพื่อรอสัมภาษณ์จากนั้นค่อยส่งเอกสารและรอการติดต่อกลับจากโฮสแฟมิลี่
แต่สำหรับการดำเนินการเอง คุณจะสามารถเขียนโปรไฟล์แนะนำตัวเองแล้วแนบประวัติไว้บนเว็บไซต์อย่าง aupairworld เพื่อให้ผู้ที่สนใจเข้ามาดูทักษะที่คุณมี จากนั้นระบบจะทำการจับคู่ให้ คุณจะต้องติดต่อกับโฮสต์เองเพื่อตกลงในเรื่องต่างๆ หากทุกอย่างพร้อมจึงจะดำเนินการในขั้นตอนของเอกสารและวีซ่าซึ่งคุณต้องดูแลเองทั้งหมด
ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับว่าใครสะดวกแบบไหนนั่นเอง
สำหรับใครที่สนใจโครงการนี้ แนะนำให้หาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจออกเดินทางเพราะแม้ว่าจะดูสะดวกปลอดภัย แต่การทำงานกับเด็กในต่างประเทศมักจะมีเงื่อนไขที่ซับซ้อนกว่าบ้านเรา ต้องลองถามตัวเองดูว่าไหวหรือเปล่า หากใจคุณตอบว่าไหวและพร้อมจะเดินทาง ก็ Let’s go!!