หลายคนคงทราบดีว่าตัวอักษรภาษาอังกฤษนั้นมีทั้งหมด 26 ตัว ประกอบไปด้วยพยัญชนะ 21 ตัว และเป็นสระอีก 5 ตัว
แต่รู้หรือไม่ว่าในอดีต อักษรละตินสำหรับภาษาอังกฤษนั้นมีเคยอักขระพิเศษถึง 7 ตัวเพิ่มเข้ามา และบางตัวก็ไม่มีต้นกำเนิดจากภาษาละตินอีกด้วย แต่เมื่อกาลเวลาได้แปรเปลี่ยน ตัวอักขระพิเศษทั้ง 7 ก็ได้เลือนลางจางหายและไม่ถูกใช้งานอีกต่อไป ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจเพราะภาษาสามารถดิ้นได้อยู่ตลอดเวลา หากสนใจก็ไปดูตัวอักษรทั้ง 7 ที่ด้านล่างได้เลย :)
#1 Ash
Ash หมายถึงเสียงสระสั้นๆ มันคือสิ่งที่อยู่ระหว่าง a และ e จึงเกิดมาเป็นตัว ae ติดกันนั่นเอง โดยเสียง Ash นั้นสามารถพบได้ในคำศัพท์อย่างเช่น cat หรือ apple เป็นต้น
#2 Eth
Eth หมายถึงเสียง th อย่างเช่นที่ออกเสียงใน ‘this, that, those’ โดยแต่เดิมมันใช้สลับกับคำไร้เสียงอย่างเช่น ‘think’
#3 Ethel
ครั้งหนึ่ง Ethel เคยทำหน้าที่แทนการออกเสียงระหว่าง o และ e โดยแต่เดิมมันออกเสียงเป็นเสียง oy จึงทำให้ในอดีตคำว่า ‘diarrhea’ เคยถูกสะกดเป็น ‘diarrhœa’ ตามเสียงที่ถูกต้อง
#4 Thorn
Thorn หมายถึงเสียง <th> และไม่มีความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่าง þ และ ð.
#5 Wynn
Wynn เป็นตัวแทนของเสียง /w/ ก่อนหน้านี้จะถูกใช้โดยการสะกด uu หรือ vv (ในสมัยที่ u และ v เป็นตัวอักษรเดียวกัน) ต่อมาตัวอักษร Wynn ถูกนำมาใช้เพื่อรวมกันให้เป็นตัวอักษรเดียว แต่มันกลับไม่ได้รับความนิยม จึงกลับมาใช้ uu แทน จนสุดท้ายจึงเกิดเป็นตัวอักษระ w
#6 Yogh
Yogh ใช้เพื่อระบุเสียง /x/ ซึ่งไม่ได้ใช้ในภาษาอังกฤษส่วนใหญ่อีกต่อไป แต่ยังสามารถหาได้จากคำยืมจากภาษาอื่นๆ เช่น Chanukah หรือ Challah
#7 Ampersand
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเครื่องหมายนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของตัวอักษรภาษาอังกฤษ! เกิดขึ้นครั้งแรกราวปี 1011 และเลือนหายไปในช่วงกลางศตวรรษที่ 19
ทั้งนี้มันไม่เคยแสดงถึงเสียงของตัวอักษรและไม่เคยใช้ในคำพูด มันถูกใช้ต่อในตอนท้ายของตัวอักษร เมื่อเด็กๆ ท่องตัวอักษรมันจึงจะลงท้ายด้วย x, y, z และต่อด้วย & ก่อนจะเรียกเป็นเครื่องหมาย ‘Ampersand’
จากข้อมูลเหล่านี้ เป็นไปได้ว่าในอนาคตตัวอักษรที่เราเห็นในปัจจุบันอาจมีบางตัวตกหล่นหายไปตามกาลเวลาไม่ว่าจะในภาษาใดก็ตาม ถือเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นและน่าสนใจของแต่ละภาษาจริงๆ ^^’
ที่มา: ahtaitay