ในแต่ละปีจะมีทุนการศึกษาทั้งในและต่างประเทศจำนวนมาก ทยอยแจกประกาศเพื่อให้นักล่าฝันได้เตรียมตัวเองให้พร้อมก่อนลงสู่สนาม
หลายคนอาจสงสัยว่า การสอบชิงทุนแต่ละที่นั้นยากง่ายแค่ไหน หรือจะมีโอกาสบ้างไหมที่หากเรามีผลการเรียนไม่ได้โดดเด่น แต่มีผลงานด้านอื่นมาเสริมในโปรไฟล์แล้วจะได้รับทุนการศึกษาเหล่านั้นบ้าง
วันนี้เรามีบทสัมภาษณ์พิเศษจากพี่ๆ นักเรียนทุน Franco-Thai ทั้งสองคน คือ
พี่จุฑาธิป อิศรางกูร ณ อยุธยา (ธิป) นักเรียนทุน Franco-Thai ปี 2016 ได้ทุนเรียนระดับปริญญาโท สาขา MBA Marketing
และพี่วันชนะ พรหมกระแส (เอิ๊ก) นักเรียนทุน Franco-Thai ปี 2019 ได้ทุนเรียนระดับปริญญาเอก สาขา Neuroscience
ที่จะมาเล่าเรื่องราวการเตรียมตัวเพื่อพิชิตทุน พร้อมแนะเคล็ดลับเล็กน้อยที่จะเป็นประโยชน์ต่อการก้าวสู่การคว้าทุนที่ไม่ไกลเกินเอื้อม
(สำหรับใครที่อยากรู้จักทุน Franco-Thai ให้มากยิ่งขึ้น อ่านได้ที่นี่)
ถ้าพร้อมแล้วเรามาพูดคุยกับพี่ๆ ทั้งสองไปพร้อมๆ กันเลย!
เริ่มแรก มาคุยกันก่อนว่าพี่ๆ เขาได้ทุนไปเรียนในสาขาไหนกันบ้าง
พี่ธิป : “สำหรับพี่นะคะ พี่ไปเรียนที่ฝรั่งเศส 1 ปี หลักสูตร MBA ค่ะ ซึ่งเป็นหลักสูตรเชิง Business ที่เรียกว่า Master of Business Administration ระดับปริญญาโท ที่ ESSEC Business School ค่ะ อยู่ที่ปารีส”
พี่เอิ๊ก : “ส่วนพี่ไปเรียนปริญญาเอกครับ ระยะเวลา 3 ปี เรียน Neuroscience เกี่ยวกับประสาทต่างๆ ทั้งสมองในมนุษย์ ที่เมืองนีซครับ”
มีเทคนิคในการเตรียมตัวเพื่อสอบชิงทุนอย่างไรกันบ้าง?
พี่ธิป : “ส่วนตัวนะคะ สำหรับปีของพี่อย่างแรก พี่จะเริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่เรียนก่อน คือก่อนที่จะไปคิดเรื่องทุนเนี่ย ให้เราคิดถึงเรื่องพื้นฐานก่อนว่า เราอยากไปเรียนอะไร ไปทำอะไร อยากเรียนจะเรียนปริญญาโท หรือว่าอยากจะเรียนโทแล้วก็เอก
พอเรามีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้วเนี่ย มันก็จะทำให้เราเห็นลู่ทางในการหาทุนการศึกษาที่สอดคล้องกับสาขาที่จะไปเรียน และการที่เราร่างเป้าหมายว่าไปเรียนอะไร ไปเรียนทำไมและอยากจะกลับมาทำอะไร อันนี้คือส่วนสำคัญมากที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จทั้งในการสมัครเข้าศึกษาในโรงเรียนที่เราฝันไว้ รวมไปถึงการสมัครทุน Franco-Thai ด้วยค่ะ”
พี่เอิ๊ก: “ส่วนผมนะครับ ก่อนอื่นคือดูก่อนว่าเราสนใจในด้านไหนแล้วก็ค่อยศึกษาหาข้อมูลว่าด้านที่เราสนใจมีโปรแกรมอยู่ที่มหาวิทยาลัยไหนและอยู่ที่เมืองไหนบ้าง แล้วจากนั้นก็ค่อยศึกษาว่าแล็ปแต่ละแล็ปในเมืองแต่ละเมืองมีการศึกษาต่างกันอย่างไร
หลังจากที่ได้เป้าหมายแล้วว่าเราสนใจแล็ปนี้ กับอาจารย์คนนี้ จากนั้นเราก็ค่อยยื่นส่งขอทุนไปอะครับ หลักๆ ก็คือว่า หลังจากที่เราเรียนจบมาแล้ว เราจะกลับมาเป็นอะไรและได้ใช้ประโยชน์ยังไง”
ก่อนออกเดินทาง เตรียมตัวยังไงกันบ้าง?
พี่ธิป : “สำหรับพี่นะคะ ก็จะหาข้อมูลเกี่ยวกับโรงเรียนค่อนข้างลึกค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ตั้ง หอพัก รวมไปถึงลักษณะสิ่งแวดล้อม กิจการต่างๆ ในโรงเรียน ซึ่งในเว็บไซต์ของแต่ละโรงเรียนมักจะมีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องของการเตรียมเอกสารต่างๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเปิดบัญชีธนาคาร การขอลดหย่อนค่าเช่าบ้าน ค่าเช้าหอพัก ก็จะอ่านรายละเอียดทุกๆอย่างเลยค่ะ
แม้กระทั่งว่าจากสนามบินจะไปที่หอพักโรงเรียนยังไง ทุกอย่างก็คือเตรียมตัวก่อนไปทั้งหมด ยิ่งเรารู้เยอะเท่าไหร่จะยิ่งทำให้เราเตรียมตัวได้ครบถ้วนแล้วก็ไม่ลนในช่วงเวลาที่จะไปอะค่ะ พอทำแบบนี้ก็จะเตรียมตัวได้ค่อนข้างครบพอสมควรค่ะ”
พี่เอิ๊ก : “ก่อนที่เอิ๊กจะไปก็จะดูก่อนว่าการขอวีซ่า ขอยังไงเอกสารยังไงบ้าง การสมัครเรียนมหาวิทยาลัยต้องใช้เอกสารอะไรบ้างจะได้เตรียมตัวจากที่ไทยให้ครบเรียบร้อย”
พี่ธิป : “หลักๆ จริงๆ ถ้าไม่รู้อะไรสามารถสอบถามข้อมูลทุกอย่างได้ที่ Campus France Thailand นะคะ สามารถติดต่อทางสถานทูตแล้วก็สอบถามข้อมูลต่างๆ ได้ เพราะว่าเขาจะมีฐานข้อมูลของแต่ละมหาวิทยาลัย สามารถที่จะปรึกษาได้แม้กระทั่งโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยที่เราอยากจะไปเรียนอะค่ะ มีข้อมูลละเอียดมากๆ”
การได้รับทุนนี้ มีส่วนช่วยในเป้าหมายที่เราตั้งเอาไว้อย่างไรบ้าง?
พี่เอิ๊ก : ” สำหรับผม เป้าหมายมีมาตั้งแต่ปริญญาตรี ปริญญาโทแล้ว ผมอยากเป็นอาจารย์อะครับ คืออยากถ่ายทอดความรู้ต่างๆ ให้กับคนอื่น เพราะฉะนั้นแล้วเนี่ยการเป็นอาจารย์ก็อย่างที่บอก ว่ามันต้องใช้ทั้งทางทฤษฎีแล้วก็ปฏิบัติครับ
ในประเทศฝรั่งเศสเขาเน้นปฏิบัติเป็นอย่างมากเลยครับ คือเข้าไปปฏิบัติ ทำแล็ป 3 ปีเลยครับ เพราะฉะนั้นแล้ว ผมจึงมั่นใจได้ว่าการปฏิบัติเนี่ยเราจะได้ทำอย่างเต็มที่ หลังจากที่เราได้เรียนรู้ทั้งปฏิบัติและทฤษฎีแล้ว เราก็จะมาถ่ายทอดความรู้ให้แก่นักเรียนที่อยู่ในประเทศไทยได้ครับ และก็ช่วยกันพัฒนาประเทศไทยให้เป็นไปได้อย่างก้าวกระโดดครับ ”
เล่าถึงหลักสูตรที่ไปเรียนมาสักนิด ?
พี่ธิป : “ของพี่นะคะ การเรียนใน Business School ตามปกติ โรงเรียนต่างๆ มักจะมีหลักสูตรภาษาอังกฤษด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวว่าไม่ได้ภาษาฝรั่งเศสแล้วจะเรียนไม่ได้ จริงๆ ก็เรียนได้ ใช้การสอบ TOEFL หรือว่า IELTS ยื่นเข้าไป ก็สามารถใช้ได้แล้วค่ะ
แต่อย่างส่วนตัวพี่เรียนภาษาอังกฤษเป็นหลักก็จริง แต่ว่ายังไงก็ตามในชีวิตประจำวัน ก็ยังอยากแนะนำว่า ควรรู้ภาษาฝรั่งเศสบ้างเพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย ความปลอดภัย แล้วก็ช่วยทำให้การเดินเอกสารต่างๆ ที่จำเป็นเนี่ยมันราบรื่นยิ่งขึ้นด้วย
ส่วนนอกเหนือจากเรื่องภาษาแล้วนะคะ สำหรับ Business school ที่ฝรั่งเศสถือว่ามีหลากหลายหลักสูตรให้เลือก แนะนำว่าให้เข้าไปที่เว็บไซต์ของโรงเรียนที่เราสนใจ หรือว่าค้นหาเป็นชื่อหลักสูตรที่เราสนใจได้เลยค่ะ อาจจะต้องใช้เวลาในการค้นหาข้อมูลหน่อย หรือถ้าจะให้ง่ายกว่า จะปรึกษา Campus France ก็ได้เหมือนกันค่ะ ”
พี่เอิ๊ก : “หลักสูตรที่ผมไปเรียนเป็นหลักสูตรภาษาอังกฤษครับ ซึ่งในปัจจุบัน ประเทศฝรั่งเศสไม่ได้มีแต่หลักสูตรฝรั่งเศสอย่างเดียวแล้ว เดี๋ยวนี้เขาเปิดหลายหลักสูตรที่สอนเป็นภาษาอังกฤษ เพราะฉะนั้นแล้วคนที่ไม่รู้ภาษาฝรั่งเศสก็ไม่ต้องกลัวนะครับ ทั้งในการเรียน หรือการติดต่อกับแล็ปต่างๆ
แต่ว่าการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การซื้ออาหาร ซื้อของ ก็ยังจำเป็นที่จะต้องใช้เป็นภาษาฝรั่งเศสครับ ก็เลยอาจจะต้องรู้พื้นฐานไปบ้างก่อนที่จะไปเรียน แต่ว่าทางมหาวิทยาลัยอะครับก็จะมี offer เป็นคอร์สฟรีเรียนภาษาฝรั่งเศสอยู่แล้วอะครับ ก็อาจจะได้ประโยชน์จากตรงนี้ครับ”
คะแนนที่ใช้ยื่นเพื่อขอทุน?
พี่ธิป : “ของพี่ใช้คะแนน TOEFL คะแนน GMAT ค่ะ ซึ่งอันนี้เป็น Requirement ของหลักสูตร Business School ของที่นู่น ซึ่งใช้เหมือนประเทศอื่นๆ ด้วยเช่นกัน ของพี่เลยไม่จำเป็นต้องสอบภาษาฝรั่งเศสค่ะ”
พี่เอิ๊ก : “การเรียนป.เอกในฝรั่งเศส จะมี Requirement แตกต่างกันในแต่ละมหาวิทยาลัยอะครับ แต่ของผมเขา require ภาษาอังกฤษในระดับ B2 ครับ ตั้งแต่ IELTS 5.5 จนถึง 6.5 ครับขั้นต่ำ เพราะฉะนั้นแล้วก็คือถือว่าเป็นอะไรที่ดี เพราะว่ามันก็ไม่ได้ยากมากสำหรับผู้ที่สนใจในส่วนนี้ ”
เตรียมตัวอย่างไร ให้สอบแล้วได้คะแนนดี?
พี่ธิป : “ส่วนตัวของพี่นะคะ จะสอบ TOEFL ใช้วิธีฝึกฝนเยอะๆ ค่ะ ใช้การทำข้อสอบเก่า และก็อ่านหนังสือ แต่จริงๆ ความยากของการสอบเหล่านี้บางทีมันคือความกดดัน
ดังนั้น หากเราเตรียมพร้อมจากการฝึกฝนบ่อยๆ จะทำให้เราเคยชินกับภาวะความกดดัน และการเตรียมตัวจะทำให้เราบริหารเวลาในการทำข้อสอบได้ดี ซึ่งอันนี้ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญมาก ถ้าถามว่าจะทำยังไงให้ได้คะแนนสอบดีก็ขอให้มองการฝึกฝนเป็นหลักค่ะ ”
พี่เอิ๊ก : ของผมนะครับ ผมใช้คะแนน IELTS ยื่นไป อันดับแรก เราต้องรู้จักข้อสอบก่อน ว่าข้อสอบมีกี่พาร์ท สอบพาร์ทไหนบาง และควรใช้เวลากี่นาทีในแต่ละพาร์ท
หลังจากรู้จักข้อสอบแล้วก็ต้องรู้ว่าคนออกข้อสอบอยากได้คีย์ประมาณไหน อยากได้คำตอบประมาณไหนครับ เพราะเราไม่สามารถที่จะตอบให้คลุมทั่วโลกได้อยู่แล้ว หลังจากเรารู้แล้วเนี่ย ขั้นตอนต่อไปคือต้องฝึกครับ ก็ใช้พวกข้อสอบเก่าๆ ฝึกทำให้ได้มากที่สุด จะทำให้พอรู้ว่า ถ้าคนออกข้อสอบเป็นคนนี้ ข้อสอบจะออกมาแนวไหน ต้องตอบแบบไหนถึงจะได้คะแนนเยอะ แบบนี้ครับ”
ฝากถึงน้องๆ ที่กำลังเตรียมตัวเพื่อสอบชิงทุน:
พี่ธิป : “สิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้เรามีโอกาสได้รับคัดเลือกมันไม่ได้อยู่ที่ความเก่งอย่างเดียวค่ะ สิ่งที่สถานทูตให้ความสำคัญมากๆ คือ ความมุ่งมั่น การมีเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจน รู้ว่าทำไมถึงอยากจะไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศส รู้ว่าอยากจะไปเรียนสาขานี้เพราะอะไรและต้องการกลับมาเป็นอะไร ตอบแทนอะไรให้กับประเทศไทย แล้วก็ทำสิ่งดีๆ ที่ทำให้เกิดความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและประเทศฝรั่งเศส อันนี้สำคัญที่สุดเลยนะคะ
ส่วนคะแนนสอบหรืออะไรก็ตามเนี่ย จริงๆ ก็เป็นสิ่งสำคัญแต่ก็ไม่ได้สำคัญที่สุด อย่างที่บอกว่าถ้าเรามีเป้าหมาย แล้วเรามี passion ที่จะต่อเป้าหมายให้ชัดเจนว่าเราจะทำอะไร เพราะอะไร นี่แหละค่ะคือคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดที่ทุน Franco-Thai มองหาค่ะ”
พี่เอิ๊ก : “สำหรับคนที่มองหาทุนนะครับ ก็อยากให้ตอบตัวเองก่อนว่าเราสนใจไปเรียนเพื่ออะไร เราสนใจไปเรียนแล้วกลับมาใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง ทำไมถึงต้องไปเรียนที่ฝรั่งเศสไม่เรียนที่ไทย ถ้าเกิดเราสามารถตอบคำถามพวกนี้ได้แล้วเนี่ย พี่ว่าเราก็กำจัดความกลัวแล้วก็ลงมือทำได้เลยครับ เพราะพี่คิดว่าแรงมุ่งมั่นอะไรต่างๆ จะแสดงให้คณะกรรมการเห็นว่าเราตั้งใจมุ่งมั่นในการไปเรียนจริงๆ ”
นี่คือเคล็ดลับในการเตรียมตัวและข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ จากประสบการณ์ผู้ที่ได้รับทุนอย่างศิษย์เก่า : พี่ธิป และศิษย์ปัจจุบันอย่าง : พี่เอิ๊ก ที่กำลังจะออกเดินทาง
ได้รู้อย่างนี้แล้ว คงจะทำให้ใครหลายคนที่วางแผนจะขอทุนในปีหน้า ได้เตรียมตัวง่ายขึ้น และเพิ่มโอกาสพิชิตทุนได้มากยิ่งขึ้นนะคะ :)