ผ่านมาหลายระบบแล้วที่อยู่คู่กับการศึกษาไทย หากจะตัดสินว่าระบบไหนดีที่สุด คงต้องให้ขึ้นอยู่กับการตัดสินของแต่ละคน
ล่าสุดกับประเด็นดราม่าเรียกน้ำตาจากเหล่านักเรียนชั้นมัธยมศึกษายมศึกษาปีที่ 6 จนเกิดเป็นกระแสในโลกโซเชียล ติดแฮชแท็กในทวิตเตอร์ว่า #dek61 หรือ #TCAS ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักให้กระจ่างกับระบบ TCAS กันก่อน
TCAS (ย่อมาจาก Thai University Center Admission System) เป็นระบบที่คิดขึ้นโดยที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เป็นระบบที่รวมวิธีการรับนักศึกษาทั้ง 5 รูปแบบไว้ด้วยกัน
1. คัดเลือกโดยการส่งแฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio)
รอบนี้เป็นการพิจารณาผลงานของนักเรียนที่อยู่ใน Portfolio โดยไม่มีการสอบข้อเขียน มหาวิทยาลัยจะทำการคัดเลือกนักเรียนจำนวนหนึ่งจากวิธีสัมภาษณ์ หรือทดสอบทักษะเฉพาะทาง ซึ่งเรียกว่าเป็นแค่ Pre-screening เท่านั้น
2. สมัครโควตาแบบมีสอบข้อเขียน สำหรับนักเรียนในพื้นที่
รอบนี้คือการรับนักเรียนแบบโควตา จะเป็นนักเรียนที่อยู่ในพื้นที่ หรือรอบเขตการศึกษา ตามแต่มหาวิทยาลัยจะกำหนด โดยทางสถาบันจะเป็นผู้จัดสอบ
3. การรับตรงร่วมกัน
รอบนี้เป็นการสอบรับตรง อย่างกสพท. ก็รวมอยู่ในรอบนี้ด้วย โดยทาง ทปอ. จะเป็นส่วนกลางในการรับสมัครในรอบนี้ ส่วนทางมหาวิทยาลัยจะพิจารณาผลการคัดเลือก ซึ่งผู้สมัครสามารถเลือกได้ 4 สาขาวิชา (โดยรอบนี้แหละที่กำลังเป็นประเด็น ณ ขณะนี้)
4. การรับ Admission
เป็นรอบที่ใช้เกณฑ์การคัดเลือกแบบ Admission และใช้องค์ประกอบของคะแนน อย่าง GPAX, O-NET, GAT/PAT หรืออื่นๆ ผู้สมัครสามารถเลือกได้ 4 สาขาวิชา
5. การรับตรงแบบอิสระ
มหาวิทยาลัยจะใช้เกณฑ์การสอบที่จัดขึ้นเอง หรือการสอบวิชาเฉพาะ
โดยวัตถุประสงค์ของระบบนี้ตั้งใจออกแบบมาเพื่อเพิ่มโอกาสความเท่าเทียมในการเข้าไปเรียนมหาวิทยาลัย ลดปัญหาการกั๊กที่ และแก้ปัญหาเรื่องวิ่งรอกสอบ เพราะระบบ TCAS จะจัดสอบในช่วงที่นักเรียนชั้น ม.6 สำเร็จการศึกษาแล้ว ซึ่งคงจะเห็นแล้วว่าระบบนี้สามารถแก้ปัญหาอย่างที่หวังไว้ได้หรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องการกันสิทธิ์ที่เห็นได้ชัดในรอบที่ 3 นี้
ถึงแม้ระบบการสอบเข้าจะไม่เป็นใจ แต่ก็อย่าเพิ่งถอดใจไป คิดซะว่าเราเรียนมาถึงครึ่งทางแล้ว เหลือเพียงมหาวิทยาลัยเท่านั้นที่ต้องหาเก้าอี้เข้าไปนั่งให้ได้ เป็นกำลังใจให้ #dek61 ทุกคน