เพราะทุกอย่างล้วนมีเบื้องหลัง ก่อนที่ดิสนีย์จะประสบความสำเร็จในการสร้างตัวละครที่มีชื่อเสียงทั้ง Mickey Mouse และผองเพื่อน รวมไปถึงเหล่าวายร้ายและเจ้าหญิงเจ้าชายทั้งหลาย พวกเขาล้วนแล้วแต่มีที่มา
วันนี้เราจะพาคุณไปล้วงความลับเบื้องหลังการสร้างตัวละครเหล่านี้ให้มีชีวิตโลดแล่นอยู่บนแผ่นฟิล์มที่บางอย่างอาจจะทำให้คุณนึกแปลกใจได้อย่างคาดไม่ถึงทีเดียว
ชื่อแรกของ Mickey Mouse คือ Mortimer
แรกเริ่มเดิมที Walt Disney ตั้งชื่อให้กับเจ้าหนูตัวนี้ว่า Mortimer Mouse แต่ Lillian ภรรยาของเขาคิดว่าชื่อนี้ยังไม่ตรงกับบุคลิกของตัวละครสักเท่าไหร่ ก่อนที่จะกลายมาเป็น Mickey Mouse ในที่สุด
Mickey กับ Minnie เกิดวันเดียวกัน
ในปี 1933 Walt Disney ได้ระบุว่า Mickey เกิดวันที่ 1 ตุลาคม ปี 1928 เนื่องจากวันนั้นเป็นวันแรกที่เขาวาดเจ้าหนูตัวนี้ขึ้นมา แต่ในปี 1978 Dave Smith ผู้ก่อตั้งหอหอเก็บรวบรวมข้อมูลของดิสนีย์ได้เปลี่ยนวันเกิดของ Mickey เป็นวันที่ 18 พฤศจิกายน ปี 1928 วันแสดงรอบปฐมทัศน์ของเรือกลไฟวิลลี่ ภาพยนตร์สั้นเรื่องของMickey และ Minnie ที่ฉายไปทั่วโลก นั่นทำให้ทั้งสองมีวันเกิดวันเดียวกัน
ตัวละครดิสนีย์หลายตัวมีดาวอยู่ที่ Hollywood Walk of Fame
วันที่ 18 พฤศจิกายน 1978 Mickey Mouse ไม่เพียงเป็นตัวการ์ตูนของดิสนีย์ตัวแรกได้ติดดาวบน Hollywood Walk of Fame แต่ยังเป็นตัวการ์ตูนตัวแรกของโลกอีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีตัวละครอื่นๆ ของดิสนีย์ที่ได้รับการติดดาว อย่าง Snow White (1987), Kermit the Frog (2002), Donald Duck (2004), Winnie the Pooh (2006), Tinker Bell (2010) และ The Muppets (2012)
แม่เลี้ยงในร้ายในซินเดอเรลล่าและเมลิฟิเซนท์ในเจ้าหญิงนิทรามีคนพากย์เสียงคนเดียวกัน
เป็นเรื่องจริงที่นักแสดงมากฝีมืออย่าง Eleanor Audley เป็นผู้ให้เสียงกับแม่เลี้ยงใจร้ายของซินเดอเรลล่าและแม่มดเมลิฟิเซนต์ รวมถึงการฝากฝีอไว้ในละครโทรทัศน์หลายเรื่องอย่าง The Man from U.N.C.L.E และ Dick Van Dyke Show ก่อนที่เธอจะเสียชีวิตในปี1991
โพคาฮอนทัสเป็นเจ้าหญิงดิสนีย์คนเดียวที่มีที่มาจากคนในประวัติศาสตร์
แม้จะบอกว่ามีที่มาจากคนในประวัติศาสตร์แต่ไม่ได้หมายความว่าดิสนีย์นำเรื่องราวทั้งหมดของเธอมาดัดแปลง เพราะในความจริงแล้ว ชื่อโพคาฮอนทัสเป็นเพียงชื่อเล่นที่หมายถึงเด็กแสนซน ส่วนชื่อจริงนั้นคือ Amonute และในความจริงแล้วตอนที่โพคาฮอนทัสพบกับ จอห์น สมิธ เธอยังเป็นเด็กและไม่ได้มีเรื่องราวโรแมนติกต่อกันอย่างที่ปรากฎในภาพยนตร์
มีเจ้าหญิงจากดิสนีย์เพียงแค่ 2 คน ที่มีพลังวิเศษ
ในขณะที่เจ้าหญิงคนอื่นๆ ถูกวางบทบาทให้ใกล้เคียงกับชีวิตปกติมากที่สุด มีเจ้าหญิงสองคนที่มีพลังมหัศจรรย์มาแต่กำเนิด นั่นก็คือราพันเซลที่มีพลังเยียวยาจากส้นผมสีทอง และเจ้าหญิงเอลซ่าผู้มีพลังน้ำแข็ง
Sulley มีเส้นขนที่เยอะมาก
ยักษ์ใหญ่ใจดีจากเรื่อง Monsters, Inc.อย่าง Sulley มีเส้นขนถึง 2.3 ล้านเส้นและเพื่อให้ดูมีชีวิตสมจริง ทีมวาดต้องใช้เวลากว่า 12 ชั่วโมงในการวาด Sulley แต่ละฉาก
และในเรื่อง 101 Dalmatians ก็มีจุดนับล้านจุดเช่นกัน
ในการ์ตูนเรื่องนี้ทีมผู้สร้างต้องวาดจุดกว่า 6.4 ล้านจุด โดยในแต่ละฉากพวกเขาต้องวาดจุดบนตัวลูกสุนัข ตัวละ 32 จุด Perdita 68 จุด และ Pongo อีก 72 จุด (จุดให้ตาลายกันไปข้างหนึ่งเลย)
ปูจากเรื่อง The Little Mermaid ไม่ได้ชื่อ Sebastian
เพราะความจริงแล้วชื่อเต็ใของเขาคือ Horatio Thelonious Ignactious Crustaceous Sebastian แต่ถูกย่อสั้นๆ ให้เหลือแค่ Sebastian
อสูรในเรื่องโฉมงานกับเจ้าชายอสูรมีส่วนผสมมาจากสัตว์หลายชนิด
หนึ่งในทีมงาน Animator ชื่อว่า Glen Keane เล่าให้ฟังว่า พวกเขาสร้างอสูรขึ้นมาจากสัตว์หลายชนิดโดยมีขาของหมาป่า หางจากสุนัข ลำตัวมาจากหมี หัวของกระบือ คิ้วจากกอริลลา เขี้ยวของหมูป่าและแผงคอของสิงโต
Jackie Chan ได้รับบทเป็นตัวละคร 2 ตัวในภาพยนตร์ของดิสนีย์
ใช่แล้ว!! คุณอ่านไม่ผิดหรอก Jackie Chan หรือพี่เฉินหลงของเราได้รับพากย์เสียงในภาพยนตร์ของดิสนีย์เวอร์ชันภาษาจีนถึง 2 เรื่อง นั่นก็คือบทอสูรในโฉมงามกับเจ้าชายอสูร และแม่ทัพหลี่ชางในเรื่องมู่หลาน แถมเค้ายังร้องเพลงประกอบในส่วนของสองคนนี้ด้วยนะ
คนที่ให้เสียง Donald Duck รับบทมากกว่าหนึ่งตัวละคร
Clarence Nash เป็นที่รู้จักกันดีในบทบาทของผู้ให้เสียง Donald Duck (ตลอดระยะเวลา 50 ปี) แต่รู้หรือไม่ว่าเขายังได้ให้เสียงกับหลานๆ ของ Donald อย่าง Huey, Dewey และ Louie รวมถึง Daisy Duck ในช่วงแรกๆ อีกด้วย นอกจากนี้เขายังเป็นผู้ให้เสียงกับตัวประกอบอื่นๆ เช่น เหล่านก ม้า หมี และสัตว์ต่างๆ ในเรื่อง 101 Dalmatians อีกด้วย
ภาพยนตร์เรื่อง Dumbo เกือบจะได้ขึ้นปกนิตยสาร TIME
ในปี 1941 เมื่อภาพยนตร์เรื่องที่ 5 ของดิสนีย์ได้รับการเปิดตัว Dumbo ทำรายได้มหาศาลแถมยังได้รับการยกย่องจากกนักวิจารณ์และผู้ชมในวงกว้างจนนิตยสาร TIME วางแผนจะนำโปสเตอร์ของภาพยนตร์เรื่องนี้มาขึ้นปก แต่เกิดเหตุการญี่ปุ่นทิ้งระเบิดที่อ่าวเพิร์ลฮาเบอร์ซะก่อนแผนนี้จึงถูกระงับไป
Lady จาก Lady and the Tramp สร้างขึ้นมาจากสุนัขจริงๆ
และสุนัขต้นแบบของ Lady ก็ยังชื่อเดียวกันอีกด้วย โดยมันเป็นสุนัขพันธุ์ Springer Spaniel ขอนักเขียนชื่อ Joe Grant หนึ่งในทีมงานของดิสนีย์ หลังจากที่ได้เห็นภาพร่างของ Lady ทาง Walt Disney ก็บอกให้ Grant สร้างสตอรี่บอร์ดจนกระทั่งกลายมาเป็นภาพยนตร์ Lady and the Tramp ในที่สุด
Walt Disney ไม่ได้ชอบฉากสปาเก็ตตี้ในเรื่อง Lady and the Tramp
หนึ่งในฉากโรแมนติกที่สุดของภาพยนตร์เรื่องนี้กลับไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบของบอสใหญ่ของดิสนีย์ ทั้งนี้เพราะเขาไม่คิดว่าฉากสุนัขสองตัวกำลังกินสปาเก็ตตี้จะเป็นภาพที่น่ามอง โชคดีที่ทางทีมวาดได้จำลองฉากให้บอสใหญ่ได้เห็นจนได้รับอนุมัติให้สร้างต่อทำให้ฉากสุดโรแมนติกนี้ออกสู่สายตาผู้ชม
ก่อนจะยิ่งใหญ่หรือประสบความสำเร็จย่อมต้อง่านเบื้องหลังที่บางครั้งอาจจะล้มเหลวและมีการเปลี่ยนแปลงมาก่อนทั้งนั้น ดิสนีย์จึงเป็นหนึ่งนข้อพิสูจน์ว่าความพยายามจะเห็นผลในสักวันหนึ่งถ้าคุณไม่ย่อท้อต่อความฝันแะยังไม่หมดแรงพยายามที่จะพัฒนา
ที่มา : www.rd.com
