เปรียบเทียบ “ข้อดี-ข้อเสีย” ของระบบการศึกษาในประเทศสหรัฐอเมริกา

สำหรับบทความนี้ จะอธิบายถึงรายละเอียดของระบบการศึกษาในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมุ่งเน้นไปที่ข้อดีและข้อเสียของระบบการศึกษาในภาพรวม เพื่อให้เพื่อน ๆ ที่อาจจะกำลังลังเลหรือหาข้อมูลในการเรียนต่ออเมริกาอยู่มีความเข้าใจในระบบการศึกษาของประเทศเขามากยิ่งขึ้นครับ

 

ff

 

ข้อดี

1. ความหลากหลาย

ด้วยความที่ประเทศสหรัฐเป็นประเทศที่ใหญ่มากจนอาจเรียกได้ว่าเป็นทวีปหนึ่งที่ประกอบไปด้วย 50 รัฐใหญ่ ดังนั้นจึงมีความหลากหลายในเรื่องของหลักสูตรให้เพื่อน ๆ ได้มีโอกาสเลือกเรียนในสาขาวิชาที่สนใจได้อย่างแน่นอน อีกทั้งเขายังใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางในการเรียนการสอนทุกหลักสูตร เพื่อน ๆ จึงลืมความกังวลในข้อจำกัดทางภาษาของนักเรียนต่างชาติไปได้เลย

 

2. ความยืดหยุ่นของการศึกษา

ระบบการศึกษาของอเมริกาเป็นหนึ่งในระบบการศึกษาที่มีความยืดหยุ่นมากที่สุดในโลก นักเรียนจะมีตัวเลือกมากมายในรายวิชาต่าง ๆ นับไม่ถ้วน โดยทั่วไปแล้วมหาวิทยาลัยในสหรัฐจะเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ทดลองเรียนในวิชาต่าง ๆ กันภายใน 1-2 ปีแรกของหลักสูตร ซึ่งจะต่างจากมหาวิทยาลัยในยุโรปที่คุณจะต้องลงทะเบียนเรียนวิชาเฉพาะตามหลักสูตรที่ได้มีการกำหนดไว้แล้วจนจบ 4 ปี

 

3. มาตรฐานการศึกษาและชีวิตความเป็นอยู่

มาตรฐานของระบบการศึกษาในสหรัฐจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่สูงมาก เพื่อน ๆ จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมอาจารย์หรือนักวิชาการที่มีชื่อเสียงจากทั่วทุกมุมโลกถึงได้มารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ดังนั้นก็เลยเป็นโอกาสที่ดีสำหรับเราที่จะได้ผู้คุย แลกเปลี่ยนความรู้ หรือได้รับการสอนจากคณาจารย์ระดับท๊อปหลายแขนง

 

4. ชื่อเสียงระดับโลก

มหาวิทยาลัยของสหรัฐได้รับการคาดหวังและไว้วางใจจากบริษัทชั้นนำของโลกอย่างมากมาย การันตีได้จากผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลก มหาวิทยาลัยในประเทศสหรัฐอเมริกาถูกจัดอยู่ใน Top 100 มากถึง 40 มหาวิทยาลัย และยิ่งไปกว่านั้นสำหรับ Top 10 ของโลก มีรายชื่อมหาวิทยาลัยสหรัฐทั้งสิ้น 7 แห่ง

 

ข้อเสีย

1. ความแตกต่างเชิงลบ

เนื่องด้วยประเทศอเมริกาเป็นประเทศที่ใหญ่มาก ดังนั้นจึงมีความแตกต่างในเรื่องของรายวิชาในหลักสูตรเดียวกันบ้างเมื่อเทียบกับมหาวิทยาลัยต่างกัน ซึ่งก็อาจนำไปสู่การพิจารณารับเข้าทำงานของนายจ้างในอนาคตที่มีความนิยมและเห็นชอบในเรื่องหลักสูตรการเรียนในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ที่ไม่เหมือนกัน

 

2. ค่าเล่าเรียน

ประเทศสหรัฐขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่มีการเรียกเก็บค่าเล่าเรียนที่สูงติดอันดับโลกเลยทีเดียว เพื่อน ๆ เชื่อหรือไม่ว่าค่าเล่าเรียนที่เรียกเก็บต่อปีอาจสูงถึง 50,000 ดอลลาร์สหรัฐกันเลยทีเดียว และเนื่องด้วยสถานภาพของผู้อพยพจำนวนมาก การกู้ยืมเพื่อการศึกษาจึงมีอยู่อย่างจำกัด

 

3. กระบวนการคัดเลือกแบบองค์รวม

หากเทียบกับประเทศอื่น ๆ แล้วมหาวิทยาลัยในสหรัฐอาจมีข้อกำหนดและกระบวนการคัดเลือกนักศึกษาที่ซับซ้อนกว่า เพราะนอกจากเพื่อน ๆ จะต้องมีประวัติการเรียนที่ดีแล้ว ยังต้องเคยผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ที่ช่วยเสริมสร้างทักษะนอกห้องเรียนอีกด้วย การมีส่วนรวมในการแข่งขันหรือการประกวดทั้งในและนอกมหาวิทยาลัยก็เป็นสิ่งจำเป็นเช่นกัน รวมถึงข้อสอบมาตรฐานอีกมากมายที่จะต้องเตรียมเพื่อให้ผลสอบออกมาตามเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยกำหนด หรืออาจจะต้องโดดเด่นกว่าคนอื่นเป็นพิเศษอีกด้วย ข้อสอบที่ว่าก็ได้แก่ SAT, ACT, GRE, MCAT, LSAT, TOEFL หรือ IELTS

 

4. สวัสดิการสังคมและการทำงานพิเศษ

และนี่ก็คือข้อเสียที่ส่งผลกับเรามากที่สุดในฐานะนักเรียนต่างชาติ เพื่อน ๆ อาจไม่สามารถเข้าถึงสวัสดิการสังคมบางอย่างภายในประเทศ เช่น ประกันสังคม ประกันสุขภาพ หรือสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ได้ทันที เราจะต้องผ่านกระบวนการต่าง ๆ อย่างมากมาย เรียกได้ว่ามึนตึ้บกันไปเลย ส่วนเรื่องการทำงานพิเศษก็จะถูกจำกัดอยู่ภายใต้เงื่อนของวีซ่านักเรียนต่างชาติ

ข้อมูลจาก: hotcourses

ร่วมแสดงความคิดเห็น...

SHARE
อัพเดทเรื่องราวของสถาบัน และหลักสูตรที่น่าสนใจในต่างประเทศ พร้อมแนะนำเทคนิคใช้ชีวิตต่างแดนแบบเจ๋งๆ คอยติดตามได้เลย...

ดูเรื่องอื่นๆที่น่าสนใจ...