ก่อนหน้านี้ผมเคยได้พาเพื่อนๆไปรู้จักกับอาคารสวยๆ จากมหาวิทยาลัยในต่างประเทศกันบ้างแล้ว แต่สำหรับในบทความนี้เราจะไปดูอาคารสวยจากมหาวิทยาลัยในประเทศไทยกันบ้าง ส่วนจะเป็นที่ไหนนั้นเราไปชมพร้อมๆกันได้เลยครับ
1. สุริยเทพศาลา มหาวิทยาลัยรังสิต
ศาลาดนตรีสุริยเทพ ตั้งอยู่ใจกลางมหาวิทยาลัยรังสิต บริเวณด้านหลังประติมากรรม “สุริยเทพ หรือ เทพพระอาทิตย์” บนพื้นที่ 10 ไร่ ภายในอาคารออกแบบโดยคำนึงถึง ความหรูหราและความเรียบง่าย สะอาดตา การประดับผนังใช้แสงเงาจากไฟย้อมให้เกิดมิติ Patern เส้นแนวตั้งให้จังหวะเหมือนสายฝน โดยออกแบบผสมผสานลวดลายฉลุแบบฝรั่ง ที่มีกลิ่นไอในยุคบาร์โร๊ค สถานที่ที่เชื่อมระหว่างมิติด้านการเรียน การสอนให้แก่นักศึกษาได้โบยบินสู่โลกแห่งดนตรี
2. Bu Diamond มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
อาคารรูปทรงเพชร ที่โดดเด่น ทันสมัย แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ของมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ที่ต้องการกระตุ้นให้นักศึกษาทุกคนเกิดความคิดสร้างสรรค์ แต่สิ่งเหล่านั้นจะเกิดขึ้นได้ก็ต้องมาจากบรรยากาศที่ดี สิ่งแวดล้อม หรือแม้แต่ตัวอาคารเรียนก็มีส่วน จึงเป็นต้นกำเนิดของ Bu Diamaond หรือ Landmark ของมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ที่มาจาก “เพชร” ซึ่งเป็นตราสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยนั่นเอง
3. อาสนวิหารแห่งการเรียนรู้ (The Cathedral of Learning) มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
อาสนวิหารแห่งการเรียนรู้ หรือเรียกสั้นๆ ว่าตึก CL อาคารเรียน 39 ชั้น ของมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญวิทยาเขตสุวรรณภูมิ เป็นตึกเรียนที่สูงเป็นอันดับ 5 ของโลก ภายในตกแต่งสวยงาม อีกหนึ่งมหาวิทยาลัยที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดในประเทศไทย
4. มหิดลสิทธาคาร มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา
อาคารหอประชุม ตั้งอยู่ในพื้นที่มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ใช้งบประมาณก่อสร้าง 1,450 ล้านบาท ออกแบบโดยใช้แนวคิดโครงสร้างเชิงกายภาพของมนุษย์ โดยใช้ดอกกันภัยมหิดลเป็นต้นแบบ หลังคามี 2 ชั้น ชั้นในใช้วัสดุพิเศษเพื่อป้องกันเสียงจากภายนอก ส่วนหลังคาชั้นนอกใช้วัสดุทองแดงเช่นเดียวกับพระที่นั่งอนันตสมาคม โดยสามารถใช้เป็นหอแสดงดนตรี โรงละคร หอประชุม และสถานที่พระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัย
5. ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา มหาวิทยาลัยศิลปากร
ก่อสร้างขึ้นเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 5 ธันวาคม 2542 บนพื้นที่ประมาณ 15 ไร่ ณ มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม ประกอบด้วยอาคารใหญ่ที่เป็นอาคารหลัก 1 หลัง และอาคารรองอีก 5 หลัง อาคารหลักเป็นอาคารสองชั้น ชั้นบนเป็นห้องประชุมใหญ่ เพดานแปดเหลี่ยมรูปรีซ้อนกันเป็นชั้นๆ ผนังและประตูกรอบไม้สักกรุด้วยผ้า เป็นแหล่งให้การศึกษาอบรมและเผยแพร่ทางด้านศิลปะ และวัฒนธรรมไทย
6. หอประชุมพญางำเมือง มหาวิทยาลัยพะเยา
หอประชุมประจำมหาวิทยาลัยพะเยา ท่ามกลางบรรยากาศที่สวยงามของท้องฟ้าและขุนเขา เดิมมีชื่อว่า “ศูนย์ไต” ปัจจุบันใช้เป็นสถานที่สำหรับพระราชทานปริญญาบัตร และกิจกรรมต่างๆ ของมหาวิทยาลัยก็มักจะจัดขึ้น ณ หอประชุมแห่งนี้
7. ศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก จัดสร้างขึ้นโดยมหาวิทยาลัยขอนแก่น ในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี ลักษณะของตัวอารเป็นอาคารโอ่อ่าด้วยสถาปัตยกรรมทรงกูบเกวียนอีสาน ประยุกต์จากเอกลักษณ์ของรูปทรงแต่ดั้งเดิมอย่างงดงาม ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางธรรมชาติริมบึงสีฐานและป่าพยอม สถานที่สำคัญที่ใช้จัดงานพีธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยขอนแก่นในทุกปีอีกด้วย
8. อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดสร้างในมหาวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันทรงมีพระชนมายุครบ 7 รอบ 84 พรรษา และยังได้รับรางวัลชมเชย สาขาสถาปัตยกรรมหลัก CDAST DESIGN AWARD 2014 ภายนอกเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมร่วมสมัยประยุกต์จากสัดส่วนวิหารล้านนามาอยู่ในรูป 9 เหลี่ยมแต่ก็เลือกใช้องค์ประกอบสถาปัตยกรรมที่น้อยที่สุดลดการประดับตกแต่งใด
9. อาคารเทวาลัย คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เทวาลัย หรือตึกอักษรศาสตร์ มีลักษณะทางสถาปัตยกรรม ประติมากรรมงดงาม และมีกลิ่นอายประวัติศาสตร์จารึกอยู่ทุกหนทุกแห่ง รวมถึงประติมากรรมที่งดงามและทรงคุณค่าของชาติ ไม่ว่าจะเป็นศิลาพระฤกษ์ตราแผ่นดินประจำรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่หน้าบันมุขด้านเหนือตราจักรตรีประจำพระบรมราชจักรีวงศ์ที่อกครุฑหน้าบันทิศเหนือและทิศใต้ รูปแกะสลักพระสุรัสวดี (เทพีแห่งวิชาการ) นั่งบนหลังนกยูง
10. อาคารสายสุทธานภดล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
อาคารสายสุทธานพดล หรือตึก 27 ซึ่งเป็นอาคารที่งดงาม ทรงคุณค่าทางสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์ เดิมเป็นที่ประทับของ สมเด็จพระวิมาดาเธอกรม พระสุทธาสินีนาฏปิยมหาราชปดิวรัดา พระอัครชายาในรัชกาลที่ 5 ผู้ทรงทำให้ สวนสุนันทา เป็นศูนย์รวมของราชสำนักฝ่ายใน ปัจจุบันใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ศิลปะและวัฒนธรรมด้านต่าง ๆ อาทิ นาฏศิลป์ ดนตรี คหกรรม งานฝีมือต่าง ๆ และยังเป็นที่รวบรวมภาพเขียนสีน้ำ ซึ่งเป็นฝีมือของ ‘คุณข้าหลวง’ ในวังสวนสุนันทา