“ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น” อาจเป็นเพียงหนึ่งในคำพูดปลอบประโลมใจที่นิยมใช้กันมาหลายศตวรรษ แต่สำหรับ “Helen Keller” นี่คือมนต์วิเศษที่เปลี่ยนชีวิตแสนมืดมนของเธอให้กลายเป็นแสงสว่างส่องทางให้กับคนทั่วโลก
จุดเริ่มต้น
ย้อนกลับไปในปี 1880 ทารกเพศหญิงชื่อ Helen Keller ถือกำเนิดในเมืองทัสคัมเบีย รัฐแอละแบมา สหรัฐอเมริกา
แม้ว่าจะไม่ได้เพียบพร้อมมั่งคั่ง แต่ชีวิตวัยเด็กของ Helen ก็ถือว่ามีความสุข เด็กหญิงตัวน้อยแสดงออกชัดว่าเกิดมาพร้อมกับความฉลาดเฉลียว พัฒนาการของเธอเป็นไปอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่การหัดพูดด้วยวัยเพียง 6 เดือน และเมื่ออายุครบ 1 ขวบ สองเท้าน้อยๆ ของเธอก็เริ่มหัดเดิน
การเติบโตที่ทำให้ครอบครัวภาคภูมิใจและคาดหวังถึงอนาคตที่สดใสของลูกสาวคงจะดำเนินต่อไป หากไม่เป็นเพราะอาการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ ขณะที่ Helen อายุเพียง 19 เดือน
แพทย์ประจำครอบครัวลงความเห็นว่าเธอป่วยเป็น “ไข้สมอง” ทำให้อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้นเฉียบพลัน ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญในปัจจุบันนำเรื่องนี้มาวิเคราะห์และลงความเห็นว่าเธออาจป่วยเป็นไข้อีดำอีแดงหรือเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
อย่างไรก็ตาม Helen สูญเสียการมองเห็นและการได้ยินไปตลอดกาล…
โลกที่ไร้ภาพและเสียง
เพียงไม่กี่วันหลังจากที่เป็นไข้ แม่ของเธอสังเกตว่าลูกสาวไร้ปฏิกิริยาต่อเสียงกริ่งของมื้ออาหาร รวมไปถึงไม่ได้แสดงความสนใจเมื่อมีใครโบกมือทักทาย
ครอบครัวได้พบกับข่าวร้ายที่ทำเอาหัวใจสลาย เมื่อพบว่าลูกสาวตัวน้อยทั้งหูหนวกและตาบอดในเวลาเดียวกัน ไม่ว่าจะพยายามรักษาสักแค่ไหน แต่การแพทย์ในขณะนั้นก็ไม่มีความหวังหรือปาฏิหาริย์ให้กับ Helen เลยสักครั้ง
จากเด็กหญิงที่สดใสร่าเริง Helen กลับกลายเป็นเด็กที่โมโหร้าย เอาแต่ใจและเกรี้ยวกราด เธอมักจะเตะข้าวของหรือกรีดร้องเมื่อไม่ได้อย่างใจ บางครั้งก็หัวเราะอย่างคุมไม่อยู่เมื่ออารมณ์ภายในปะทุยามมีความสุข
เธอมีเพื่อนสนิทที่เติบโตด้วยกันชื่อ Martha Washington ลูกสาวของพ่อครัวประจำบ้าน ทั้งสองได้สร้างรหัสสื่อสารสำหรับใช้เพียงสองคนไว้มากกว่า 60 แบบ แต่ถึงอย่างนั้น ด้วยอารมณ์ที่ไม่คงที่ ประกอบกับความเจ็บปวดจากการมองไม่เห็นและไม่ได้ยินเสียงทำให้บ่อยครั้งที่ Martha ถูกทำร้ายจาก Helen
เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้ครอบครัว Keller เริ่มรับไม่ไหว และคิดว่าต้องส่งลูกสาวให้กับใครสักคนเพื่อช่วยเยียวยาจากอาการเจ็บป่วยที่ไม่เพียงแต่ร่างกาย แต่ยังส่งผลถึงจิตใจด้วย
นั่นเอง คือจุดเริ่มต้นของการพบกันระหว่างเธอและ Anne Sullivan คุณครูผู้เปลี่ยนโลกของ Helen ไปตลอดกาล
คุณครูคนแรก
แม่ของ Helen ได้พบกับหนังสือท่องเที่ยวของ Charles Dickens, American Notes ในปี 1886 หนึ่งในบทความของหนังสือเล่มนั้นเล่าถึงความสำเร็จของ Laura Bridgman เด็กหูหนวกและตาบอดอีกคนที่ได้รับการเยียวยาจนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ
ทางครอบครัว Keller จึงตัดสินใจเริ่มต้นจากจุดนั้น และหลังจากได้รับคำแนะนำมาอย่างหลากหลาย ในที่สุดพวกเขาก็ได้พา Helen ไปยังสถาบันคนตาบอดเพอร์กินส์ ในเมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์
ที่นั่น ครอบครัวได้พบกับครูคนใหม่ซึ่งจะมาช่วยดูแลลูกสาวของพวกเขาชื่อ Anne Sullivan นักศึกษาสาวผู้ซึ่งพึ่งจะเป็นบัณฑิตมาหมาดๆ
ในปี 1887 งานแรกของ Sullivan ได้เริ่มต้นขึ้นหลังจากที่เธอก้าวเข้าไปในบ้านของครอบครัว Keller แน่นอนการสอนอะไรสักอย่างให้กับเด็กน้อยที่อารมณ์ไม่มั่นคง แถมมองไม่เห็น และไม่ได้ยินอะไรเลยเป็นเรื่องยาก แต่นั่นไม่ได้ทำให้คุณครูสาวท้อแท้
เธอเริ่มสอนการสะกดให้กับ Helen ในวัย 6 ขวบโดยใช้นิ้วมือเป็นสื่อกลาง และคำแรกที่พวกเขาสื่อสารคือ “ตุ๊กตา” ของขวัญชิ้นแรกที่เธอนำมามอบให้นักเรียนคนพิเศษในครั้งแรกที่เจอกัน
แม้จะมีความอยากรู้อยากเห็นตามประสา แต่ Helen ก็รู้สึกต่อต้านและอยากจะท้าทายคุณครูคนใหม่ด้วยการไม่ยอมให้ความร่วมมือกับการสอนใดๆ ทั้งสิ้น ฝ่าย Sullivan แม้ว่าจะใช้ทั้งไม้อ่อน และไม้แข็ง แต่เด็กคนนี้ไม่ได้เป็นเหมือนตุ๊กตาที่เธอจะสามารถบังคับได้
นานวันเข้าหลังจากที่ถูกกดดันให้เรียนหนังสือ อารมณ์ของ Helen ก็มีแต่จะยิ่งฉุนเฉียวและก้าวร้าว ทำให้ Sullivan ยื่นข้อเสนอกับครอบครัวว่าเธอสองคนจะย้ายกันไปอยู่กระท่อมบนสวนเพื่อให้สาวน้อยที่กำลังเอาแต่ใจขั้นสุดได้มีสมาธิกับการเรียนรู้ โดยที่ไม่มีคนอื่นๆ มาคอยตามใจและหันเหความสนใจ
การพรากจากอาจฟังดูใจร้ายกับเด็กที่อายุยังน้อย แต่เมื่อได้อยู่ลำพัง Helen ก็เริ่มเปิดใจให้กับการเรียนรู้ทีละน้อย และแล้ววันแห่งการเปลี่ยนแปลงก็มาถึง
วันหนึ่ง คุณครู Sullivan พา Helen ออกไปข้างนอกก่อนจะวางมือของเธอข้างหนึ่งไว้บนรางน้ำ และราดน้ำเย็นเฉียบลงไป
สัมผัสที่ไม่คุ้นเคยทำให้สาวน้อยรู้สึกสนใจต่อสิ่งที่ได้พบเจอ เมื่อเห็นปฏิกิริยาดังกล่าว Sullivan จึงเขียนคำสะกด w-a-t-e-r ในมืออีกข้างของเธอ สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่ออยู่ๆ Helen ก็เข้าใจในสิ่งนั้นและพูดคำว่าน้ำออกมาซ้ำๆ จากสิ่งที่คุณครูของเธอได้เขียนลงบนฝ่ามือนั่นเอง
หลังจากนั้นการเรียนรู้แบบแกมบังคับก็เปลี่ยนไป ทุกครั้งที่อยากรู้ว่าสิ่งไหนเรียกว่าอะไร Helen จะใช้มือควานสัมผัส และ Sullivan ผู้ตามประกบติดจะช่วยเขียนคำสะกดลงบนมืออีกข้าง จนในที่สุดนักเรียนที่ไม่เคยพูดได้เป็นคำเพราะสูญเสียการได้ยินก่อนจะหัดออกเสียง ก็สามารถสื่อสารได้
Sullivan ยังคงอยู่เคียงข้าง Helen นานนับ 49 ปี จนกระทั้งจากโลกนี้ไปในปี 1936 จากปัญหาสุขภาพและสูญเสียการมองเห็นโดยสมบูรณ์
การศึกษา
ในปี 1890 Helen ได้เข้าเรียนที่โรงเรียน Horace Mann สำหรับคนหูหนวกเพื่อเริ่มเรียนการพูดคุยสื่อสาร เธอต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างหนักกว่าที่จะสามารถพูดคุยให้คนอื่นเข้าใจเธอได้
จากนั้น ตั้งแต่ปี 1894 – 1896 เธอได้เข้าเรียนที่ Wright-Humason School for the Deaf ในนิวยอร์กซิตี้ ซึ่งช่วยให้เธอสามารถเรียนทุกสิ่งที่สนใจ และพัฒนาการสื่อสารร่วมกับคนอื่นได้เป็นอย่างดี
จากการที่ได้เปิดโลกร่วมกับคนอื่น ทำให้ Helen มีจุดมุ่งหมายในชีวิต เธอตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะเข้าเรียนในวิทยาลัย และทำสำเร็จในปี 1896 เมื่อเธอได้เข้าศึกษาที่ Cambridge School for Young Ladies ซึ่งเป็นโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาสำหรับสตรี
เรื่องราวของเธอเริ่มกระจายไปในวงกว้าง ผู้คนล้วนให้ความสนใจนั่นทำให้ Helen มีโอกาสได้พบกับคนที่มีชื่อเสียง หนึ่งในนั้นคือนักเขียนที่ชื่อว่า Mark Twain พวกเขากลายเป็นเพื่อนกันนับแต่นั้น
Mark ได้แนะนำ Helen ให้รู้จักกับ Henry H. Rogers ผู้บริหารของ Standard Oil ผู้ซึ่งประทับใจในพรสวรรค์ และความมุ่งมั่นของหญิงสาวจนกระทั่งเขายินดีที่จะเป็นผู้สนับสนุนค่าใช้จ่ายให้เธอสามารถเข้าเรียนที่ Radcliffe College
ที่นั่น Helen จะเข้าเรียนพร้อมกับคุณครู Sullivan ผู้ช่วยแปลคำจากบทบรรยายและตาราต่างๆ เพื่อให้เธอสามารถเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่ จนถึงตอนนี้ Helen เชี่ยวชาญวิธีการสื่อสารอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการอ่านปากด้วยสัมผัสจากนิ้ว อักษรเบรลล์ คำพูด การพิมพ์ และการสะกดด้วยนิ้ว
ในปี 1904 ขณะอายุได้ 24 ปี Helen Keller ได้สำเร็จการศึกษาระดับเกียรตินิยมอันดับ 1 จาก Radcliffe College สถาบันในเครือของมหาวิทยาลัย Harvard
แรงบันดาลใจ
หลังจากความพยายามที่มีมานานหลายปี และประสบความสำเร็จในฐานะบัณฑิตที่หูหนวกและตาบอดคนแรกของมหาวิทยาลัย Helen ได้กลายเป็นนักพูดและนักเขียนที่มีชื่อเสียงโดดเด่นระดับโลก เธอบอกเล่าชีวิตผ่านหนังสืออัตชีวประวัติชื่อ The Story of MyLife ซึ่งต่อมาได้ถูกนำไปทำบทละครและเรื่องราวอื่นๆ อีกมากมาย
นอกจากนี้ เธอยังเป็นนักรณรงค์เพื่อผู้พิการที่มีบทบาทสำคัญ ทั้งยังร่วมสนับสนุนให้สตรีมีสิทธิ์ในการลงคะแนนเสียง ต่อต้านความรุนแรงและการสนับสนุนการคุมกำเนิด รวมไปถึงการก่อตั้งมูลนิธิเพื่อการกุศล โดยหวังที่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ผู้สิ้นหวังให้กลับมาเจอกับแสงสว่างและหนทางได้อีกครั้ง….อย่างที่เธอเคยได้รับ
บั้นปลายชีวิต
กิจกรรมทางการเมืองในฐานะนักรณรงค์ของ Helen เริ่มลดลงหลังการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 เธอจึงได้หันมาทำงานให้กับ “มูลนิธิอเมริกันเพื่อคนตาบอด” จนถึงแก่กรรมเมื่ออายุได้ 87 ปี
นี่คือชีวิตแสนมหัศจรรย์ของหญิงสาวที่ชื่อ Helen Keller ที่แม้ว่าเรื่องนี้จะไม่แฟนตาซี มีเวทมนตร์ มังกร หรือคำสาปร้ายของแม่มด แต่ด้วยหัวใจที่มุ่งมั่นของคุณครูผู้พากเพียร และหัวใจที่กล้าหาญของสาวน้อยผู้ตกอยู่ในความมืด ความพยายามที่พบเจอแสงสว่างอีกครั้งในวันนั้น ได้ทำให้เธอกลายเป็นแสงสว่างส่องโลกตราบจนทุกวันนี้