เคยสังเกตกันหรือไม่ว่าเพราะเหตุใดภาษาบางภาษาถึงมีคำศัพท์ที่มีการออกเสียง และคำแปลที่ใกล้เคียงกันในหลายๆ ประเทศ ทั้งๆ ที่ตัวภาษาเองก็ไม่น่าจะมีความเกี่ยวข้องกันสักนิด??
และหนึ่งในคำนั้นคือคำที่ภาษาไทยเรียกว่า ‘ชา’ เช่นเดียวกับที่ภาษาอาหรับเรียกว่า ‘Chay’ หรือภาษาฮินดีเรียกว่า ‘Cha’ ในขณะที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า ‘Tea (ที)’ คล้ายกับ ‘Thé’ ในภาษาฝรั่งเศส หรือ ‘Té’ ในภาษาสเปนนั่นเอง และเหตุผลเบื้องหลังของความคล้ายคลึงนั้นมีคำตอบให้ที่นี่แล้ว :)
รู้หรือไม่ว่าทั้งสองเวอร์ชันนั้นมีรากฐานมาจากประเทศจีน? จากนั้นจึงถูกแพร่กระจายใช้อย่างแพร่หลายไปทั่วโลก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการหล่อหลอมของการใช้ภาษาคู่กับการค้าขายเมื่อหลายร้อยปีก่อนจนเกิดเป็นภาษาสมัยใหม่ขึ้นมา
คำว่า ‘Cha’ ที่ออกเสียงคล้ายๆ กันนั้นได้ถูกใช้อย่างแพร่หลายไปตามเส้นทางสายไหม หรือขณะที่มีการค้าขายบนบก ในขณะที่คำว่า ‘Te’ ถูกใช้อย่างแพร่หลายในบริเวณที่มีการค้าขายทางน้ำ เชื่อว่าเริ่มต้นจากพ่อค้าชาวดัตช์ที่นำสินค้าไปขายยังยุโรป
เส้นทางการค้าขายระหว่างทางบก (สีแดง) และทางน้ำ (สีฟ้า)
จากรูปแบบจะเห็นได้ว่า หากคำว่า ‘ชา’ ใช้คำศัพท์ที่ใกล้เคียงกับคำว่า ‘Cha’ แสดงว่าการใช้ภาษาถูกส่งผ่านมาทางบก ในขณะที่ถ้าออกเสียงใกล้เคียงกับคำว่า ‘Te’ แสดงว่าการใช้ภาษาถูกส่งผ่านมาทางน้ำ
สันนิษฐานว่าเมื่อเริ่มต้นที่ประเทศจีนเกิดจากคำว่า ‘Cha (茶)’ และเมื่อผ่านเอเชียกลางจึงกลายเป็น ‘Chay (چای)’ ในภาษาเปอร์เซีย นอกจากนี้ภาษายังได้เดินทางผ่านไปยังแอฟริกาใต้สะฮารา จนกลายเป็น “Chai” ในภาษาสวาฮิลี
ในแถบประเทศบ้านใกล้เรือนเคืองกับประเทศจีนก็ได้รับอิทธิพลจากคำนี้เช่นกัน เห็นได้จากภาษาญี่ปุ่น ภาษาเกาหลี รวมถึงภาษาไทยซึ่งเรียกน้ำชาว่า ‘Cha’ มาตั้งแต่อดีตกาล
ทั้งนี้ สำหรับคำว่า ‘Te’ ตัวอักษรภาษาจีนคือ 茶 ซึ่งสะกดเหมือนคำว่า ‘Cha’ เช่นกันเพียงแต่ออกเสียงแตกต่างกัน จึงเป็นที่มาของคำนี้ ซึ่งมันถูกแพร่กระจายไปยังยุโรปโดยชาวดัตช์ ซึ่งเป็นผู้ค้าหลักขายน้ำชาระหว่างยุโรปและเอเชีย
ในศตวรรษที่ 17 ตามที่อธิบายไว้ใน World Atlas of Language Structures ท่าเรือหลักของดัตช์ในเอเชียตะวันออกอยู่ในฝูเจี้ยนและไต้หวัน ซึ่งทั้งสองแห่งใช้การออกเสียงเรียกน้ำชาว่า ‘Te’ ทำให้ประเทศในแถบยุโรปได้รับอิทธิพลจากคำนี้ ไม่ว่าจะเป็นฝรั่งเศสที่ออกเสียงว่า ‘Thé’ หรือเยอรมันที่ออกเสียงว่า ‘Tee’ และภาษาอังกฤษคือ ‘Tea’ เป็นต้น
ที่น่าสนใจคือภาษาอื่นๆ ที่ไม่ได้ใช้ทั้งสองเวอร์ชันนี้เป็นเพื่อในบริเวณนั้นมีชาปลูกขึ้นได้เองตามธรรมชาติ จึงทำให้มีคำศัพท์เฉพาะที่คิดขึ้นมาเองใช้เรียกชา เช่น ประเทศพม่าเรียกใบชาว่า ‘Lakphak’
ข้อมูลเหล่านี้สามารถสรุปได้ว่า ในดินแดนที่เรียกชา ด้วยคำว่า ‘Cha’ คือดินแดนที่ติดต่อค้าขายกับประเทศจีนทางบก ในขณะที่คำว่า ‘Te’ เกิดจากการติดต่อกันผ่านเส้นทางน้ำ ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจของภาษาที่แม้จะมีรากศัพท์มาจากประเทศเดียวกัน แต่เมื่อถูกส่งผ่านด้วยเส้นทางที่แตกต่าง ก็สามารถเปลี่ยนแปลงไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ :)
ที่มา: thelanguagenerds