“ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น” อาจเป็นเพียงหนึ่งในคำพูดปลอบประโลมใจที่นิยมใช้กันมาหลายศตวรรษ แต่สำหรับ “Helen Keller” นี่คือมนต์วิเศษที่เปลี่ยนชีวิตแสนมืดมนของเธอให้กลายเป็นแสงสว่างส่องทางให้กับคนทั่วโลก
จุดเริ่มต้น
ย้อนกลับไปในปี 1880 ทารกเพศหญิงชื่อ Helen Keller ถือกำเนิดในเมืองทัสคัมเบีย รัฐแอละแบมา สหรัฐอเมริกา
แม้ว่าจะไม่ได้เพียบพร้อมมั่งคั่ง แต่ชีวิตวัยเด็กของ Helen ก็ถือว่ามีความสุข เด็กหญิงตัวน้อยแสดงออกชัดว่าเกิดมาพร้อมกับความฉลาดเฉลียว พัฒนาการของเธอเป็นไปอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่การหัดพูดด้วยวัยเพียง 6 เดือน และเมื่ออายุครบ 1 ขวบ สองเท้าน้อยๆ ของเธอก็เริ่มหัดเดิน
การเติบโตที่ทำให้ครอบครัวภาคภูมิใจและคาดหวังถึงอนาคตที่สดใสของลูกสาวคงจะดำเนินต่อไป หากไม่เป็นเพราะอาการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ ขณะที่ Helen อายุเพียง 19 เดือน
แพทย์ประจำครอบครัวลงความเห็นว่าเธอป่วยเป็น “ไข้สมอง” ทำให้อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้นเฉียบพลัน ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญในปัจจุบันนำเรื่องนี้มาวิเคราะห์และลงความเห็นว่าเธออาจป่วยเป็นไข้อีดำอีแดงหรือเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
อย่างไรก็ตาม Helen สูญเสียการมองเห็นและการได้ยินไปตลอดกาล…
![](https://www.wegointer.com/wp-content/uploads/2022/02/Helen-Keller-as-a-child-main-image.jpg)
โลกที่ไร้ภาพและเสียง
เพียงไม่กี่วันหลังจากที่เป็นไข้ แม่ของเธอสังเกตว่าลูกสาวไร้ปฏิกิริยาต่อเสียงกริ่งของมื้ออาหาร รวมไปถึงไม่ได้แสดงความสนใจเมื่อมีใครโบกมือทักทาย
ครอบครัวได้พบกับข่าวร้ายที่ทำเอาหัวใจสลาย เมื่อพบว่าลูกสาวตัวน้อยทั้งหูหนวกและตาบอดในเวลาเดียวกัน ไม่ว่าจะพยายามรักษาสักแค่ไหน แต่การแพทย์ในขณะนั้นก็ไม่มีความหวังหรือปาฏิหาริย์ให้กับ Helen เลยสักครั้ง
จากเด็กหญิงที่สดใสร่าเริง Helen กลับกลายเป็นเด็กที่โมโหร้าย เอาแต่ใจและเกรี้ยวกราด เธอมักจะเตะข้าวของหรือกรีดร้องเมื่อไม่ได้อย่างใจ บางครั้งก็หัวเราะอย่างคุมไม่อยู่เมื่ออารมณ์ภายในปะทุยามมีความสุข
![](https://www.wegointer.com/wp-content/uploads/2022/02/87480c2e6c0e3b20af23f46795c3a7cb.jpg)
เธอมีเพื่อนสนิทที่เติบโตด้วยกันชื่อ Martha Washington ลูกสาวของพ่อครัวประจำบ้าน ทั้งสองได้สร้างรหัสสื่อสารสำหรับใช้เพียงสองคนไว้มากกว่า 60 แบบ แต่ถึงอย่างนั้น ด้วยอารมณ์ที่ไม่คงที่ ประกอบกับความเจ็บปวดจากการมองไม่เห็นและไม่ได้ยินเสียงทำให้บ่อยครั้งที่ Martha ถูกทำร้ายจาก Helen
เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้ครอบครัว Keller เริ่มรับไม่ไหว และคิดว่าต้องส่งลูกสาวให้กับใครสักคนเพื่อช่วยเยียวยาจากอาการเจ็บป่วยที่ไม่เพียงแต่ร่างกาย แต่ยังส่งผลถึงจิตใจด้วย
นั่นเอง คือจุดเริ่มต้นของการพบกันระหว่างเธอและ Anne Sullivan คุณครูผู้เปลี่ยนโลกของ Helen ไปตลอดกาล
![](https://www.wegointer.com/wp-content/uploads/2022/02/EK7FD86UwAASyCX.jpg)
คุณครูคนแรก
แม่ของ Helen ได้พบกับหนังสือท่องเที่ยวของ Charles Dickens, American Notes ในปี 1886 หนึ่งในบทความของหนังสือเล่มนั้นเล่าถึงความสำเร็จของ Laura Bridgman เด็กหูหนวกและตาบอดอีกคนที่ได้รับการเยียวยาจนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ
ทางครอบครัว Keller จึงตัดสินใจเริ่มต้นจากจุดนั้น และหลังจากได้รับคำแนะนำมาอย่างหลากหลาย ในที่สุดพวกเขาก็ได้พา Helen ไปยังสถาบันคนตาบอดเพอร์กินส์ ในเมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์
ที่นั่น ครอบครัวได้พบกับครูคนใหม่ซึ่งจะมาช่วยดูแลลูกสาวของพวกเขาชื่อ Anne Sullivan นักศึกษาสาวผู้ซึ่งพึ่งจะเป็นบัณฑิตมาหมาดๆ
ในปี 1887 งานแรกของ Sullivan ได้เริ่มต้นขึ้นหลังจากที่เธอก้าวเข้าไปในบ้านของครอบครัว Keller แน่นอนการสอนอะไรสักอย่างให้กับเด็กน้อยที่อารมณ์ไม่มั่นคง แถมมองไม่เห็น และไม่ได้ยินอะไรเลยเป็นเรื่องยาก แต่นั่นไม่ได้ทำให้คุณครูสาวท้อแท้
เธอเริ่มสอนการสะกดให้กับ Helen ในวัย 6 ขวบโดยใช้นิ้วมือเป็นสื่อกลาง และคำแรกที่พวกเขาสื่อสารคือ “ตุ๊กตา” ของขวัญชิ้นแรกที่เธอนำมามอบให้นักเรียนคนพิเศษในครั้งแรกที่เจอกัน
แม้จะมีความอยากรู้อยากเห็นตามประสา แต่ Helen ก็รู้สึกต่อต้านและอยากจะท้าทายคุณครูคนใหม่ด้วยการไม่ยอมให้ความร่วมมือกับการสอนใดๆ ทั้งสิ้น ฝ่าย Sullivan แม้ว่าจะใช้ทั้งไม้อ่อน และไม้แข็ง แต่เด็กคนนี้ไม่ได้เป็นเหมือนตุ๊กตาที่เธอจะสามารถบังคับได้
นานวันเข้าหลังจากที่ถูกกดดันให้เรียนหนังสือ อารมณ์ของ Helen ก็มีแต่จะยิ่งฉุนเฉียวและก้าวร้าว ทำให้ Sullivan ยื่นข้อเสนอกับครอบครัวว่าเธอสองคนจะย้ายกันไปอยู่กระท่อมบนสวนเพื่อให้สาวน้อยที่กำลังเอาแต่ใจขั้นสุดได้มีสมาธิกับการเรียนรู้ โดยที่ไม่มีคนอื่นๆ มาคอยตามใจและหันเหความสนใจ
การพรากจากอาจฟังดูใจร้ายกับเด็กที่อายุยังน้อย แต่เมื่อได้อยู่ลำพัง Helen ก็เริ่มเปิดใจให้กับการเรียนรู้ทีละน้อย และแล้ววันแห่งการเปลี่ยนแปลงก็มาถึง
วันหนึ่ง คุณครู Sullivan พา Helen ออกไปข้างนอกก่อนจะวางมือของเธอข้างหนึ่งไว้บนรางน้ำ และราดน้ำเย็นเฉียบลงไป
สัมผัสที่ไม่คุ้นเคยทำให้สาวน้อยรู้สึกสนใจต่อสิ่งที่ได้พบเจอ เมื่อเห็นปฏิกิริยาดังกล่าว Sullivan จึงเขียนคำสะกด w-a-t-e-r ในมืออีกข้างของเธอ สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่ออยู่ๆ Helen ก็เข้าใจในสิ่งนั้นและพูดคำว่าน้ำออกมาซ้ำๆ จากสิ่งที่คุณครูของเธอได้เขียนลงบนฝ่ามือนั่นเอง
![](https://www.wegointer.com/wp-content/uploads/2022/02/The-waterpump-scene-from-the-broadway-play-The-Miracle-Worker.-Anne-Bancroft-played-the-part-of-Anne-Sullivan-and-Patty-Duke-of-Helen-Keller..jpg)
หลังจากนั้นการเรียนรู้แบบแกมบังคับก็เปลี่ยนไป ทุกครั้งที่อยากรู้ว่าสิ่งไหนเรียกว่าอะไร Helen จะใช้มือควานสัมผัส และ Sullivan ผู้ตามประกบติดจะช่วยเขียนคำสะกดลงบนมืออีกข้าง จนในที่สุดนักเรียนที่ไม่เคยพูดได้เป็นคำเพราะสูญเสียการได้ยินก่อนจะหัดออกเสียง ก็สามารถสื่อสารได้
Sullivan ยังคงอยู่เคียงข้าง Helen นานนับ 49 ปี จนกระทั้งจากโลกนี้ไปในปี 1936 จากปัญหาสุขภาพและสูญเสียการมองเห็นโดยสมบูรณ์
การศึกษา
ในปี 1890 Helen ได้เข้าเรียนที่โรงเรียน Horace Mann สำหรับคนหูหนวกเพื่อเริ่มเรียนการพูดคุยสื่อสาร เธอต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างหนักกว่าที่จะสามารถพูดคุยให้คนอื่นเข้าใจเธอได้
จากนั้น ตั้งแต่ปี 1894 – 1896 เธอได้เข้าเรียนที่ Wright-Humason School for the Deaf ในนิวยอร์กซิตี้ ซึ่งช่วยให้เธอสามารถเรียนทุกสิ่งที่สนใจ และพัฒนาการสื่อสารร่วมกับคนอื่นได้เป็นอย่างดี
จากการที่ได้เปิดโลกร่วมกับคนอื่น ทำให้ Helen มีจุดมุ่งหมายในชีวิต เธอตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะเข้าเรียนในวิทยาลัย และทำสำเร็จในปี 1896 เมื่อเธอได้เข้าศึกษาที่ Cambridge School for Young Ladies ซึ่งเป็นโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาสำหรับสตรี
![](https://www.wegointer.com/wp-content/uploads/2022/02/helen-keller-l-mark-twain-taken-off-of-screen-from-film-photo-by-walter-sanders_the-life-picture-collection-via-getty-images_getty-images.jpg)
เรื่องราวของเธอเริ่มกระจายไปในวงกว้าง ผู้คนล้วนให้ความสนใจนั่นทำให้ Helen มีโอกาสได้พบกับคนที่มีชื่อเสียง หนึ่งในนั้นคือนักเขียนที่ชื่อว่า Mark Twain พวกเขากลายเป็นเพื่อนกันนับแต่นั้น
Mark ได้แนะนำ Helen ให้รู้จักกับ Henry H. Rogers ผู้บริหารของ Standard Oil ผู้ซึ่งประทับใจในพรสวรรค์ และความมุ่งมั่นของหญิงสาวจนกระทั่งเขายินดีที่จะเป็นผู้สนับสนุนค่าใช้จ่ายให้เธอสามารถเข้าเรียนที่ Radcliffe College
ที่นั่น Helen จะเข้าเรียนพร้อมกับคุณครู Sullivan ผู้ช่วยแปลคำจากบทบรรยายและตาราต่างๆ เพื่อให้เธอสามารถเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่ จนถึงตอนนี้ Helen เชี่ยวชาญวิธีการสื่อสารอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการอ่านปากด้วยสัมผัสจากนิ้ว อักษรเบรลล์ คำพูด การพิมพ์ และการสะกดด้วยนิ้ว
ในปี 1904 ขณะอายุได้ 24 ปี Helen Keller ได้สำเร็จการศึกษาระดับเกียรตินิยมอันดับ 1 จาก Radcliffe College สถาบันในเครือของมหาวิทยาลัย Harvard
แรงบันดาลใจ
หลังจากความพยายามที่มีมานานหลายปี และประสบความสำเร็จในฐานะบัณฑิตที่หูหนวกและตาบอดคนแรกของมหาวิทยาลัย Helen ได้กลายเป็นนักพูดและนักเขียนที่มีชื่อเสียงโดดเด่นระดับโลก เธอบอกเล่าชีวิตผ่านหนังสืออัตชีวประวัติชื่อ The Story of MyLife ซึ่งต่อมาได้ถูกนำไปทำบทละครและเรื่องราวอื่นๆ อีกมากมาย
นอกจากนี้ เธอยังเป็นนักรณรงค์เพื่อผู้พิการที่มีบทบาทสำคัญ ทั้งยังร่วมสนับสนุนให้สตรีมีสิทธิ์ในการลงคะแนนเสียง ต่อต้านความรุนแรงและการสนับสนุนการคุมกำเนิด รวมไปถึงการก่อตั้งมูลนิธิเพื่อการกุศล โดยหวังที่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ผู้สิ้นหวังให้กลับมาเจอกับแสงสว่างและหนทางได้อีกครั้ง….อย่างที่เธอเคยได้รับ
บั้นปลายชีวิต
กิจกรรมทางการเมืองในฐานะนักรณรงค์ของ Helen เริ่มลดลงหลังการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 เธอจึงได้หันมาทำงานให้กับ “มูลนิธิอเมริกันเพื่อคนตาบอด” จนถึงแก่กรรมเมื่ออายุได้ 87 ปี
นี่คือชีวิตแสนมหัศจรรย์ของหญิงสาวที่ชื่อ Helen Keller ที่แม้ว่าเรื่องนี้จะไม่แฟนตาซี มีเวทมนตร์ มังกร หรือคำสาปร้ายของแม่มด แต่ด้วยหัวใจที่มุ่งมั่นของคุณครูผู้พากเพียร และหัวใจที่กล้าหาญของสาวน้อยผู้ตกอยู่ในความมืด ความพยายามที่พบเจอแสงสว่างอีกครั้งในวันนั้น ได้ทำให้เธอกลายเป็นแสงสว่างส่องโลกตราบจนทุกวันนี้