หลายคนอาจจะคุ้นหูกับเรื่องราวของไข้หวัดใหญ่สเปน หรือ Spanish Flu ที่ถือเป็นไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติเมื่อ 100 ปีก่อน
เมื่อสองปีที่ผ่านมา นักประวัติศาสตร์เองก็ได้ฉลองครบรอบ 100 ปีของการระบาดของไข้หวัดใหญ่สเปน ที่ดูเหมือนจะถูกลืมเลือนและหายไปในหลุมของความทรงจำ
เมื่อ 100 ปีก่อน ไข้วัดใหญ่สเปนได้คร่าชีวิตคนไปกว่า 50 – 100 ล้านคน นายแพทย์ Dr. Mary Dobson ได้เปิดเผยอีกว่า “ไวรัสตัวนี้ได้ฆ่าชีวิตคนใน 25 สัปดาห์แรกมากกว่าที่ HIV/AIDS ได้ทำไว้ใน 25 ปีที่ผ่านมา“
อาการของไข้หวัดใหญ่สเปนนั้นน่ากลัวเป็นอย่างมาก ผู้คนต่างสำลักเสมหะของตัวเอง มีเลือดพุ่งออกมาทางจมูก ถึงขั้นล้มป่วยและเสียชีวิตตามข้างถนนเลยล่ะ
เชื้อนี้ถูกเรียกว่าไข้หวัดใหญ่สเปนนั้นเป็นเพราะว่าผู้ติดเชื้อคนแรกถูกบันทึกไว้ว่าอยู่ที่ประเทศสเปน บางส่วนก็เชื่อว่ามันเกิดขึ้นที่รัฐแคนซัส สหรัฐอเมริกาก่อนจะแพร่เชื้อไปยังต่างประเทศ จากการเดินทางของทหาร
นักวิทยาศาสตร์เปิดเผยว่าเชื้อไข้หวัดนี้มันเกิดจากการข้ามสายพันธุ์จากสัตว์สปีชีส์หนึ่งไปยังสปีชีส์หนึ่ง และมันสามารถวิวัฒนาการได้อย่างรวดเร็วในระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ด้วยกัน
ในขณะนั้นมีอยู่ช่วงหนึ่งที่เหมือนว่าจำนวนผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สเปนจะลดน้อยลง แต่นั่นก็เป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น เพราะหลังจากนั้นไม่นานคลื่นลูกที่สองก็โหมกระหน่ำขึ้นอีกครั้ง
โดยในตอนแรก เชื้อจะส่งผลร้ายแรงต่อผู้สูงอายุ และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ แต่ในไตรมาสที่สองนี้ เชื้อสามารถพัฒนาและส่งผลกระทบต่อในวัยรุ่นได้อีกด้วย!
ทั้งนี้ การระบาดของไข้หวัดใหญ่สเปนก็ค่อยๆ ลดลงและหายไปในช่วงปลายปี 1920 เป็นไปได้ว่าอาจเป็นเพราะไข้หวัดใหญ่มีการกลายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็วและไม่ส่งผลต่อสุขภาพร่างกายมนุษย์อีกต่อไป
อย่างไรก็ตามก็เป็นที่รับรู้ได้ว่าแม้ไข้หวัดสเปนจะหายไปแล้วแต่การแพร่ระบาดของไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ๆ ก็สามารถเกิดขึ้นได้เรื่อยๆ
เพราะฉะนั้นก็ควรระวังตัว รักษาสุขอนามัย และสุขภาพร่างกายของตัวเองและคนรอบตัวให้ดีอยู่เสมอ เพื่อรับมือกับสิ่งที่ไม่คาดคิด เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ในปัจจุบัน
ที่มา: openculture