การกลั่นแกล้งในโรงเรียนเป็นหนึ่งในประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่องไปทั่วโลก และจนถึงทุกวันนี้ แม้ว่าหลายหน่วยงานจะพยายามหาทางแก้ไข แต่ปัญหานี้ก็ยังไม่หมดไป
CJ คือหนุ่มน้อยวัย 12 ปีที่ต้องเผชิญกับปัญหาการถูกกลั่นแกล้งนี้ สาเหตุหนึ่งมาจากใบหน้าที่ดูสวยเกินเด็กผู้ชาย รวมไปถึงความหลงใหลในการแต่งหน้าและทำผมทำให้คนอื่นๆ ล้อเลียนว่าเขาเป็นเกย์
แม้ว่า CJ จะเป็นเด็กเงียบๆ แต่เขาไม่ขี้อายเลยสักนิด เขามีความคิดที่แสนวิเศษว่าไม่ว่าจะเพศไหน การแต่งหน้าและทำผมก็ช่วยสร้างแรงบันดาลใจได้ทั้งสิ้น สิ่งสำคัญคือเขาอยากเรียนรู้ให้ได้มากที่สุด เพื่อที่ว่าในอนาคตเขาจะได้เป็นช่างทำผมและช่างแต่งหน้า…ใช่แล้ว นี่คือความฝันของเด็กชายวัย 12 ปีที่ทำให้หลายๆ คนรู้สึกประหลาดใจ
.
ที่โรงเรียน CJ ถูกกลั่นแกล้งทั้งทางร่างกายและจิตใจจากเด็กคนอื่นๆ เพราะตัวตนที่แตกต่าง ผู้ปกครองของเด็กบางคนสั่งห้ามลูกๆ มาเล่นกับ CJ เพียงเพราะเข้าใจว่าเขาเป็นเกย์ ทั้งที่จริงแล้วเด็กเหล่านั้นคือคนที่เคยเล่นด้วยกันกับเขา
มนุษย์เกิดมาจากความรัก และเราเรียนรู้ที่จะรัก รวมถึงมอบความรักให้กับคนอื่นๆ แต่สิ่งที่ CJ ต้องเผชิญกลับเป็นในทางตรงกันข้าม ทว่า นั่นยิ่งทำให้เขาโดดเด่น เมื่อการกลั่นแกล้งเหล่านั้นไม่ได้ทำให้ CJ รักตัวเองน้อยลงเลย เขากลับใช้ประสบการณ์เหล่านี้เพื่อช่วยให้ตัวเองเติบโตและเข้มแข็งมากขึ้น…CJ อยากเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็กคนอื่นๆ ที่เป็นแบบเดียวกัน
ตามกฎหมายของรัฐบาลกลาง นักเรียนมีสิทธิ์ที่จะแต่งตัวและนำเสนอตัวตนได้ภายใต้กรอบที่ถูกวางเอาไว้ แต่ CJ คิดว่ามันคงจะดีกว่าหากเราไม่กำหนดว่านักเรียนเพศไหนควรแต่งตัวอย่างไร
“ผมรู้สึกแบบนั้นมาเสมอว่าเราไม่ควรกำหนดตัวตนของใครแค่เพราะเพศที่เขาเกิดมา ผมถูกแกล้งอย่างหนัก เพราะพวกเขาคิดว่ามันจะทำให้ผมหยุดการเป็นตัวเองได้ ทั้งที่จริงแล้วมันไม่ใช่แบบนั้นเลย แค่เพราะเราต่างกันเลยทำให้ผมถูกเกลียดชังและถูกรังแก ผมอยากทำให้คนอื่นๆ ยอมรับว่าแม้เราแตกต่างกันแต่นั่นคือตัวตนของเรา การแสดงออกของผมจะทำให้คนอื่นๆ ได้รับการยอมรับมากขึ้น ผมไม่เคยอายเลยที่จะบอกว่าผมเป็นใคร”
CJ ไม่เพียงแค่มีความกล้าที่จะเดินตามเส้นทางที่เขาเลือก แต่ยังช่วยสร้างความตระหนักในกับโรงเรียนและชุมชนที่เขาอยู่ ปัจจุบัน CJ เป็นผู้สนับสนุนชุมชน LGBTQ และชุมชนที่ไม่ใช่ไบนารี รวมถึงริเริ่มโครงการที่จะให้โรงเรียนต่างๆ หันมาใช้ยูนิฟอร์มแบบไม่ระบุเพศ
“แม่ของผมบอกว่าผมสามารถช่วยเหลือคนอื่นๆ ได้ และนั่นคือสิ่งที่ผมจะทำ ผมช่วยให้โรงเรียนของผมเป็นแห่งแรกในเขตที่จะใช้ยูนิฟอร์มที่ไม่ระบุเพศ หลังจากนั้นหนึ่งปี ยูนิฟอร์มนี้ได้รับเสียงตอบรับและถูกนำไปใช้ในโรงเรียนประถมอีก 26 เเห่ง”
“ผมได้รับอีเมลมากมายที่ส่งมาบอกว่าแคมเปญของผมช่วยหยุดยั้งการแบ่งแยกเพศในโรงเรียน รวมทั้งยุติการเลือกปฏิบัติในสถาบันการศึกษา นั่นทำให้ผมดีใจว่าสำหรับบางคนที่มีพรสวรรค์ พวกเขาจะได้รับการยอมรับ ทั้งตัวตนและสิ่งที่เขาเป็น มากกว่าสนใจว่าเขาเป็นเพศอะไร”
จากเด็กชายหนึ่งคนผู้ถูกรุมรังแก สู่หนุ่มน้อยที่กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับเด็กคนอื่นๆ ด้วยสิ่งที่เขารู้ดีว่าเขาทำได้ และยอมรับในตัวตนของตัวเอง สิ่งเล็กๆ นี้แหละที่เปลี่ยนโลกให้ดีขึ้นได้ในทุกๆ วัน :)
ที่มา: boredpanda