ความรักคือพลังที่แท้จริงที่สามารถเอาชนะได้เกือบทุกอย่างไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม! เช่นเดียวกันกับเรื่องราวความรักของ Mary หญิงชาวอังกฤษ และ Jake หนุ่มชาวตรินิแดด
ที่แม้ทั้งคู่จะต่างสีผิว ต่างสัญชาติ แต่เมื่อความรักแผลงศรปักกลางอกแล้ว ก็ไม่สามารถมีอะไรมาต้านทานได้แม้กระทั่งครอบครัว
เรื่องราวความรักของทั้งคู่เกิดขึ้นเมื่อราวปี 1948 ขณะนั้น Mary คือหญิงสาวสวย มีชีวิตแบบคนธรรมดาในชนชั้นกลาง ประเทศอังกฤษ
ขณะเดียวกัน Jake ก็เป็นทหารที่รบให้กับกองทัพอังกฤษในสงครามโลกครั้งที่ 2 และเมื่อสงครามจบ เขาก็ใช้ชีวิตต่อที่ประเทศอังกฤษโดยไม่ได้กลับไปยังบ้านเกิด
ทหารหนุ่มกับสาวชาวบ้านก็ได้พบเจอกัน ตกหลุมรักกัน และคบกัน ระหว่างนั้น Jake จำเป็นต้องกลับตรินิแดด ในตอนนั้นเองที่เขาตระหนักได้ว่าเขารัก Mary มากแค่ไหน และตัดสินใจว่าจะไม่อยู่ห่างจากเธออีก และได้แต่งงานกันในที่สุด
ทว่าก่อนที่ทั้งคู่จะได้แต่งงานและครองรักกันอย่างมีความสุขนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ในยุค 40s นั้นคนผิวสียังไม่เป็นที่ยอมรับ โดยเฉพาะกับครอบครัวของ Mary อคติหลายๆ อย่างเกิดขึ้น พ่อและแม่ของ Mary ปฏิเสธ Jake และไม่ยอมให้ลูกสาวแต่งงานกับทหารหนุ่มผิวสีเด็ดขาด ถึงขั้นตัดพ่อตัดลูกกันเลยทีเดียว
แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความรักของหญิงสาวต่อชายหนุ่มลดน้อยลง เธอรักเขาอย่างสุดหัวใจ และตัดสินใจจะอยู่กับเขาตลอดไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อแต่งงานแล้วก็พบว่าเหตุการณ์ยิ่งเลวร้ายลงกว่าเดิม ทั้งสองพบเจออุปสรรคในการหาที่อยู่อาศัย เพราะเจ้าของบ้านเช่าปฏิเสธจะให้ชายผิวสีเช่าบ้าน แม้ Jake จะทำงานอย่างขยันขันแข็งแค่ไหนก็ไม่ได้ทำให้เจ้าของบ้านเช่าใจอ่อน
แต่เมื่อเวลาเปลี่ยนไปค่านิยมทางสังคมก็เปลี่ยนตาม คนในสังคมยอมรับคนผิวสีมากขึ้นเรื่อยๆ ภรรยาผิวขาวและสามีผิวสีสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคู่รักทั่วไปโดยไม่ต้องกลัวคำครหา และคำนินทาเหมือนในอดีต
จนขณะนี้ ทั้งสองก็ได้แต่งงานและครองรักกันมากว่า 70 แล้ว เรียกได้ว่าวันแรกเป็นอย่างไร ปัจจุบันก็ยังเหมือนเดิมเลยล่ะ ❤
เชื่อว่าเรื่องราวความรักของทั้ง Jake และ Mary ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่านิยามของคำว่า ‘รัก’ นั้นมันมีคุณค่าแค่ไหน และ ‘ความรัก’ ที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร : )
ที่มา: bbc & boredpanda