เป็นประจำทุกปีที่ QS จะทำการจัดอันดับมหาวิทยาลัยทั่วโลก โดยใช้ตัวชี้วัดที่มีประสิทธิภาพในการประเมินผล ซึ่งในปีนี้มหาวิทยาลัยที่ติดอันดับต้นๆ มีการเปลี่ยนแปลงขยับอันดับไม่มากนัก กล่าวคือสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT), มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด และมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ยังคงอยู่ในสามอันดับแรกที่ไม่เปลี่ยนแปลงจากปีก่อนๆ ในขณะที่มหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ดยังคงเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในสหราชอาณาจักร
10 อันดับมหาวิทยาลัยจากการจัดอันดับของ QS
อันดับ 10 University of Chicago – สหรัฐอเมริกา
สถานะ: มหาวิทยาลัยเอกชน
จำนวนนักศึกษา: 13,924
อันดับ 9 Imperial College London – อังกฤษ
สถานะ: มหาวิทยาลัยรัฐ
จำนวนนักศึกษา: 16,797
อันดับ 8 UCL – สหราชอาณาจักร
สถานะ: มหาวิทยาลัยรัฐ
จำนวนนักศึกษา: 32,795
อันดับ 7 University of Cambridge – สหราชอาณาจักร
สถานะ: มหาวิทยาลัยรัฐ
จำนวนนักศึกษา: 19,203
อันดับ 6 ETH Zurich – Swiss Federal Institute of Technology – สวิตเซอร์แลนด์
สถานะ: มหาวิทยาลัยรัฐ
จำนวนนักศึกษา: 18,003
อันดับ 5 California Institute of Technology (Caltech) – สหรัฐอเมริกา
สถานะ: มหาวิทยาลัยเอกชน
จำนวนนักศึกษา: 2,239
อันดับ 4 University of Oxford – อังกฤษ
สถานะ: มหาวิทยาลัยรัฐ
จำนวนนักศึกษา: 20,631
อันดับ 3 Harvard University – สหรัฐอเมริกา
สถานะ: มหาวิทยาลัยเอกชน
จำนวนนักศึกษา: 22,727
อันดับ 2 Stanford University – สหรัฐอเมริกา
สถานะ: มหาวิทยาลัยเอกชน
จำนวนนักศึกษา: 16,135
อันดับ 1 Massachusetts Institute of Technology (MIT) – สหรัฐอเมริกา
สถานะ: มหาวิทยาลัยเอกชน
จำนวนนักศึกษา: 11,145
ในปีนี้มีสัญญาณที่ค่อนข้างน่ากังวลสำหรับมหาวิทยาลัยที่ตั้งอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร เนื่องจากมีมหาวิทยาลัยหลายแห่งที่อันดับลดลง ส่วนใหญ่เป็นเพราะได้รับคะแนนน้อยลงสำหรับด้านสัดส่วนนักศึกษาต่างชาติ ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดสำหรับการจัดอันดับครั้งนี้ ส่วนตัวชี้วัดอื่นๆ เช่น ชื่อเสียงทางวิชาการ (40%), ชื่อเสียงของนายจ้าง (10%), สัดส่วนจำนวนอาจารย์ต่อนักศึกษา (20%), สัดส่วนจำนวนการอ้างอิงต่อผลงานวิจัย (20%), สัดส่วนจำนวนอาจารย์ต่างชาติ (5%) และสัดส่วนจำนวนนักศึกษาต่างชาติ (5%)
ที่มา: topuniversities