รู้จัก ‘ลองเยียร์เบียน’ เมืองที่มืดมนนานกว่า 4 เดือนต่อปี ทั้งยังมีเพื่อนน่ากลัวเป็นหมีขั้วโลก

ผู้คนในเขตร้อนอย่างเรามักโหยหาความหนาวเย็น ในขณะเดียวกันผู้คนในเขตหนาวก็มักโหยหาอากาศอบอุ่น อยากเห็นพระอาทิตย์ขึ้นในทุกวัน และได้เดินสัมผัสกับแสงแดดในยามเช้า

วันนี้เราจะพาคุณไปทัศนศึกษาชีวิตความเป็นอยู่ในเมืองที่ตั้งอยู่ใกล้กับขั้วโลกเหนือ สถานที่ที่ซึ่งปีหนึ่งมืดมนกว่า 4 เดือน ผู้คนต้องมีอาวุธติดมือเป็นปืนไรเฟิลเพื่อป้องกันตัวจากหมีขั้วโลก

 

 

ขอต้อนรับเข้าสู่ ‘ลองเยียร์เบียน’ เมืองในสปิตส์เบอร์เกนที่อยู่ใกล้กับขั้วโลกเหนือมากที่สุด

 

ลองเยียร์เบียนเป็นชุมชนขนาดใหญ่และศูนย์กลางการบริหารของสฟาลบาร์ ซึ่งเป็นดินแดนของประเทศนอร์เวย์ ห่างจากเมืองออสโลประมาณ 3 ชั่วโมงโดยเครื่องบิน และประมาณ 1,046 กิโลเมตรจากขั้วโลกเหนือ

 

เมืองนี้มีประชากรประมาณ 2,100 คน

 

ภายหลังจากที่ถูกค้นพบโดยนักสำรวจชาวดัตช์ Willem Barents เมื่อปี 1596 สฟาลบาร์ก็กลายเป็นฐานล่าสัตว์รวมถึงปลาตัวใหญ่ที่อาศัยอยู่ในหมู่เกาะแห่งนี้

 

บริษัทสัญชาติอังกฤษ เดนิช ดัตช์ และฝรั่งเศสต่างพยายามต่อสู้เพื่อแย่งชิงพื้นที่ล่าสัตว์ เนื่องจากอุดมไปด้วยวอลรัสและวาฬหัวคันศร ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าชาวดัตช์สังหารวาฬไปแล้วไปกว่า 60,000 ตัว

 

ในช่วงการเปลี่ยนเข้าสู่ศตวรรษที่ 20 ลองเยียร์เบียนได้รับการก่อตั้งขึ้นในฐานะเมืองขุดถ่านหิน

 

ลองเยียร์เบียนได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบผจญภัย และเดินทางมาเพื่อสำรวจถ้ำน้ำแข็ง

 

กลุ่มนักศึกษาขับ Snowmobile

 

หรือบางคนก็ชอบไปพายเรือคายัค

 

หรือใช้เป็นฐานสำหรับการสำรวจขั้วโลกเหนือ อย่างเช่นที่เจ้าชายแฮร์รี่เคยเสด็จเมื่อปี 2011

 

นี่คืออุโมงค์เมล็ดพันธุ์พืชแห่งสฟาลบาร์ เป็นแหล่งสำรองเมล็ดพันธุ์จากทั่วโลก เก็บไว้ใช้ยามขาดแคลนพืชหรือเอาไว้หลบภัยในยามที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

 

หลังคาและส่วนด้านหน้าของตัวอาคารเป็นงานศิลปะที่มีการติดตั้งแสงโดย Dyveke Sanne ภายในมีระบบการรักษาความปลอดภัยเป็นอย่างดี

 

Crop Trust องค์กรไม่แสวงผลกำไรกล่าวว่าหมีขั้วโลกกลายเป็นกำแพงความปลอดภัยอีกชั้นสำหรับห้องสำรองเมล็ดพืช

 

ประชากรของหมีขั้วโลกที่อาศัยอยู่ในเกาะนี้มีประมาณ 3,000 ตัว ดูเหมือนจะมากกว่าประชากรมนุษย์ในแถบนี้เสียด้วย

 

เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาเพิ่งมีหมีขั้วโลกถูกฆ่าตายหลังจากที่มันไปทำร้ายการ์ดที่เรือสำราญ และในปี 2011 ที่ผ่านมาก็มีเด็กนักเรียนวัย 17 ปีจาก Eton College ถูกหมีขั้วโลกที่หิวโหยฆ่าตายด้วยเช่นกัน

 

แม้ว่าการเผชิญหน้ากับหมีขั้วโลกเป็นเรื่องที่พบได้ไม่บ่อยนัก แต่ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวก็ได้รับคำแนะนำว่าควรพกอาวุธติดตัวไว้เมื่อเดินทางออกนอกแนวเขตแดนของเมือง

 

ผู้ว่าราชการแห่งสวาลบาร์ดมีรายงานถึงหกหน้ากระดาษที่พูดถึงรายละเอียดอาวุธที่ดีที่สุดในการป้องกันหมีขั้วโลก และนี่คือร้านขายปืนที่เก็บรักษาไว้อย่างดีในลองเยียร์เบียน

 

นอกจากหมีขั้วโลกที่เป็นอันตรายแล้ว ชาวบ้านแถวนี้ก็ยังต้องระมัดระวังเกี่ยวกับภัยธรรมชาติด้วย

 

ผู้อพยพในสวาลบาร์ดได้รับประโยชน์จากสนธิสัญญาที่ไม่เหมือนใครซึ่งอนุญาตให้ผู้คนมาที่หมู่เกาะโดยไม่ต้องมีวีซ่า หรือใบอนุญาตทำงาน

 

ในขณะที่ค่าครองชีพในลองเยียร์เบียนสูงอย่างไม่น่าเชื่อเนื่องจากตั้งอยู่ไกลปืนเที่ยง แต่ที่นี่ก็ยังมีโรงเรียนที่เปิดสอนสำหรับนักเรียนที่มีอายุระหว่าง 6 – 18 ปี

 

นักเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ไม่เพียงแต่จะได้เรียนคณิตศาสตร์หรือวรรณคดี แต่พวกเขายังได้เรียนรู้วิธีปฏิบัติตนกับธรรมชาติ การปฏิบัติกับหมีขั้วโลก หรือการเอาตัวรอดในฤดูหนาว หรือกระทั่งวิธีรับมือกับหิมะถล่ม

 

การละเล่นบนแผ่นน้ำแข็งขนาดใหญ่

 

หรือปีนเขาท่ามกลางหิมะ

 

หรือนอนอาบแดดบนชายหาด (ทั้งสองคนนี้เป็นนักเคลื่อนไหวด้านสภาพอากาศ)

 

Sun Festival Week คือการเฉลิมฉลองที่จัดขึ้นในทุกปีโดยเป็นช่วงสิ้นสุดฤดูกาลแห่งความมืดในหน้าหนาว

 

เหตุที่ได้ชื่อว่าฤดูแห่งความมืดเพราะที่นี่ไร้ดวงอาทิตย์ส่องแสงนานกว่า 4 เดือน ทว่าในความมืดมนยังมีแสงเหนือให้ได้ชม

 

นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดในโลกสำหรับการรับชมปรากฏการณ์ Super Blue Blood Moon

 

ผู้คนส่วนใหญ่ในลองเยียร์เบียนเดินทางโดยรถเลื่อนหิมะ

 

ปัจจุบันมีผู้ใช้งานมากกว่า 2,137 คนจากปี 2017

 

แต่สำหรับบางคนก็ชอบวิธีการเดินทางแบบดั้งเดิมมากกว่า

 

ในที่ที่หนาวเหน็บที่สุดก็สามารถเป็นที่ที่สวยที่สุดได้ ซึ่งหากคุณอยากไปสัมผัสความหนาวแบบนี้สักครั้งที่ลองเยียร์เบียนก็มีโรงแรมไว้บริการเช่นกัน อย่างที่ Radisson Blu Polar Hotel เป็นต้น โดยค่าห้องเริ่มต้นต่อคืนประมาณ $139 (ราวๆ 4,000 บาท)

 

ที่มา: thisisinsider

ร่วมแสดงความคิดเห็น...

SHARE

ดูเรื่องอื่นๆที่น่าสนใจ...