ภาพผืนน้ำสีฟ้ามีไอน้ำลอยคลุ้ง ล้อมรอบด้วยภูเขาสูงใหญ่ เพียงแค่จินตนาการและดูจากรูปภาพก็อยากไปสัมผัสให้เห็นกับตา แต่ทว่าในความจริงสิ่งที่เห็นจากรูปภาพอาจแตกต่างจากสิ่งที่คิดไว้โดยสิ้นเชิง
ใช่แล้วล่ะเรากำลังพูดถึง บ่อน้ำพุร้อนบลูลากูน (BLUE LAGOON) สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของประเทศไอซ์แลนด์ ซึ่งมีผู้เยี่ยมชมนับร้อยนับพันรายในแต่ละปี อย่างในปี 2017 ที่ผ่านมา จำนวนนักท่องเที่ยวอยู่ที่ราวๆ 1.2 ล้านคน
บลูลากูนเป็นน้ำพุร้อนที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ อุณหภูมิของน้ำอยู่ที่ประมาณ 40 องศาเซลเซียส อุดมด้วยแร่ธาตุอย่างซิลิคอน และกัมมะถัน โดยมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าหากเอาโคลนพอกหน้า 10 นาที ผิวจะดู่อ่อนเยาว์ขึ้น 10 ปีเชียวล่ะ
แต่อีกด้านหนึ่งที่ภาพถ่ายใน Instagram ไม่ได้บอก คือตึกที่หน้าตาเหมือนอาคารอุตสาหกรรมซึ่งล้อมอยู่รอบสระน้ำ
.
ซึ่งหากได้เห็นภาพถ่ายเต็มๆ อาจทำลายความโรแมนติกที่คุณคิดไว้
แม้ว่าภาพถ่ายบางรูปจะทำให้ที่นี่ดูเหมือนเป็นโอเอซิสท่ามกลางภูมิประเทศที่ขรุขระของไอซ์แลนด์ ซึ่งในความเป็นจริงบลูลากูนคือรีสอร์ทที่ได้รับการพัฒนาแล้ว
และหากภาพถ่ายเหล่านี้ทำให้คุณคิดว่ารีสอร์ทแห่งนี้ตั้งอยู่ในส่วนที่ห่างไกลของไอซ์แลนด์ คุณคงต้องคิดใหม่…
เพราะบลูลากูนตั้งอยู่บนทางหลวง
ยิ่งกว่านั้น ยังตั้งอยู่ระหว่างสนามบินที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ (ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ 20 นาที)
และห่างจากเมืองหลวงเรคยาวิคประมาณ 39 กิโลเมตร หากขับรถยนต์ใช้เวลาประมาณ 50 นาทีก็ถึง
เมื่อแสงพระอาทิตย์สาดส่องที่นี่ก็สวยงามจนลืมหายใจ
ซึ่งภาพบรรยากาศสวยๆ โรยด้วยความโรแมนติกของบลูลากูนสามารถหาชมที่ไหนก็ได้ในอินเทอร์เน็ต
แต่ภาพเรียลๆ แบบนี้อาจไม่มีให้เห็นสักเท่าไหร่
.
และเมื่อเปลี่ยนมุมมองในการถ่ายภาพ มันก็ราวกับเปลี่ยนความรู้สึกที่มีต่อรีสอร์ทไปด้วย
ซึ่งบางครั้งอาจพ่วงด้วยความกังวลว่าผ้าเช็ดตัวของคุณที่วางไว้จะถูกคนบางคนฉกไปใช้ (จากข้อมูลของ TripAdvisor)
รีสอร์ทแห่งนี้มีชื่อเสียงด้านผืนน้ำสีฟ้าขุ่นราวกับนม
และเมื่อตัดกับสีสันของภูมิทัศน์รอบๆ ยิ่งทำให้สวยงามจับตา
ซึ่งมันเป็นไปได้ค่อนข้างยากที่คุณจะแช่น้ำท่ามกลางความสงบเงียบเหมือนภาพถ่ายที่เคยเห็น
และตรงบาร์ก็ค่อนข้างหนาแน่นมากไปด้วยกลุ่มนักท่องเที่ยว บางคนแสดงความคิดเห็นในเว็บไซต์ท่องเที่ยวว่า ‘ด้วยความแออัดของผู้มาเยือน จึงทำให้รู้สึกเครียดมากกว่าผ่อนคลายเสียอีก’
แม้ต้องเผชิญกับความไม่น่าภิรมย์หลายด้าน แต่ที่นี่ก็ยังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เป็นอีกหนึ่งสวรรค์ของนักท่องเที่ยวเมื่อมาเยือนไอซ์แลนด์
ที่มา: businessinsider