ความเชื่อไม่ได้มีเฉพาะในประเทศแถบเอเชีย แต่มีอยู่ทั่วทุกมุมโลก บางครั้งคุณอาจพบกับความเชื่อแปลกๆ ที่ยากจะหาคำอธิบาย จากความหลากหลายทางวัฒนธรรม
วันนี้ เราจะพาคุณไปเรียนรู้ที่มาของความเชื่อแปลกๆ ที่มีมาแต่โบราณ และส่งต่อจนถึงทุกวันนี้
เลข 13
หนึ่งในอาถรรพ์ที่เลื่องชื่อที่สุดของโลก ชาวตะวันตกเชื่อว่าเลข 13 นำมาซึ่งความโชคร้าย โดยเฉพาะวันศุกร์ 13 ตำนานส่วนหนึ่งเชื่อว่า ในอดีมีเรื่องร้ายๆ เกิดขึ้นกับจำนวน 13 มากมาย หนึ่งในนั้นคืออาหารค่ำมื้อสุดท้ายที่พระเยซูทรงร่วมโต๊ะพร้อมกับสาวกทั้ง 12 คน
การพกเท้ากระต่าย
ความเชื่อนี้เกิดมาพร้อมกับแนวคิดการเชื่อมต่อจิตกับธรรมชาติ ด้วยวิญญานของมนุษย์และสัตว์ บางเผ่าพันธุ์ของนุษย์เชื่อว่าพวกเขาสืบเชื้อสายมาจากกระต่าย และพกพาส่วนหนึ่งของกระต่ายเอาไว้เป็นเครื่องราง ซึ่งโดยมากก็มักจะพกเท้ากระต่ายไว้ เพื่อนำความโชคดี ความมั่งคั่ง และความสำเร็จมาให้พร้อมกับการคุ้มภัย
ใบโคลเวอร์สี่แฉก
วิทยาศาสตร์ได้อธิบายไว้ว่า โอกาสที่จะเจอใบโคลเวอร์สี่แฉกนั้นเป็นไปได้ยาก ดังนั้นการค้นพบใบโคลเวอร์สี่แฉกจึงเป็นเหมือนโชคดี นอกจากนี้ ตามตำนานยังเล่าว่า ก่อนที่อาดัมกับอีฟจะออกจากสวนอีเดน อีกยังได้เอาใบโคลเวอร์สี่แฉกติดตัวออกมาด้วย เพื่อเป็นเครื่องรางของความโชคดี และคุ้มกันภัยร้ายนั่นเอง
การสวมสีดำสำหรับไว้ทุกข์
วัฒนธรรมโบราณจำนวนมาก เชื่อว่าความตายเป็นโรคติดต่อ และเพื่อหลีกเลี่ยงการมาถึงของภัยร้าย พวกเขาจึงเสาะหาวิธีแก้เคล็ด อย่างในกรุงโรม เชื่อว่าการสวมใส่ชุดสีดำจะทำให้ความตายเข้าใจว่าผู้คนเหล่านั้นตายไปแล้ว (อาจเพราะเป็นสีที่มืดมน) ดังนั้นในการไว้ทุกข์จึงกำหนดให้ใส่สีดำเพื่อแก้เคล็ด
การทำนายด้วยกระดูกสัตว์ปีก
ชาวอิทรุสกันเชื่อว่าสัตว์ปีกจำพวกนกสามารถบอกได้ถึงอนาคต การนำกระดูกของพวกมันมาทิ้งไว้ให้แห้ง แล้วนำมาใช้ในการทำนายดวงชะตาจะทำให้ได้รับพลังในการหยั่งรู้ และเมื่ออธิษฐานจะทำให้ความปรารถนาเป็นจริง
เกลือ
ความเชื่อนี้อาจสืบเนื่องมาจากยุคที่เกลือเป็นของหายาก และมีราคาแพง จึงเชื่อกันว่าการทำเกลือหกถือเป็นลางร้าย เนื่องจากในสมัยก่อนเหลือเป็นสัญลักษณ์ของความไว้วางใจ และความเป็นมิตร
นอกจากนี้ในศาสนา เกลือยังเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ขจัดสิ่งชั่วร้ายจึงเชื่อกันว่าสามารถใช้เกลือเป็นส่วนผสมน้ำมนต์ หรือใช้เกลือช่วยในการไล่ปีศาจได้
การเคาะไม้
การเคาะไม้นี้เป็นความเชื่อที่มีในหลายพื้นที่ทั่วโลก ในศาสนาอิสลามโบราณเชื่อว่าเทพเจ้าและจิตวิญณานสถิตอยู่ในต้นไม้ การเคาะต้นไม้จึงช่วยให้คุณได้รับการคุ้มกันภัย
นอกจากนี้ยังมีความเชื่อถึงการเคาะต้นไม้เพื่อขอให้โชคดี และสมปรารถนาอีกด้วย โดยว่ากันว่า การเคาะไม้นั้นเสมือนการเคาะที่เสากางเขนของพระเยซู และเป็นการวิงวอนให้ได้รับการปกป้องจากพระองค์
เกือกม้า
เมื่อชนเผ่าเซลติกเริ่มอพยพไปยังดินแดนทางตอนเหนือ พวกเขามีความเชื่อว่านางฟ้าในท้องถิ่นเหล่านั้นหวาดกลัวต่ออาวุธที่ทำจากเหล็กของผู้บุกรุก ชาวเซลติกจึงแขวนม้าเหนือประตูเพื่อปัดเวทมนตร์ของสิ่งมีชีวิตที่ชั่วร้าย
นอกจากนี้ชาวตะวันตกยังมีความเชื่อเกี่ยวกับเกือกม้ามาตั้งแต่สมัยโบราณ เมื่อใดก็ตามที่เกือกม้าที่ผ่านการใช้งานมาอย่างโชกโชนได้เกิดหลุดร่วงไป และมีคนเก็บได้ในระหว่างทาง เชื่อกันว่าเกือกม้านั้นจะนำพามาซึ่งความโชคดี และโชคลาภมาให้
การเหยียบรอยร้าว
ความเชื่อโชคลางมาจากชาวยุโรป และชาวแอฟริกันอเมริกัน ว่ากันว่า รอยร้าวเป็นช่องว่างระหว่างโลกใบนี้กับอีกโลกหนึ่ง การก้าวเหยียบ หรือการยืนบนรอยเหล่านั้นจะนำโชคร้าย และปัญหาสุขภาพมาให้กับเจ้าตัว หรือคนอื่นๆ ในบ้าน
นอกจากนี้ รอยร้าวเหล่านี้ยังอาจเป็นช่องทางที่ทำให้ภูติผี ปีศาจ วิญญานร้ายสามารถเข้ามาในบ้านของคนคนนั้นได้
การอธิษฐานกับขนตา
ความเชื่อนี้มาจากอังกฤษ และไอร์แลนด์ เป็นการอธิษฐานกับขนตาที่ร่วงหลุด ด้วยการวางมันไว้บนหลังมือ เเล้วโยนข้ามไหล่ หากขนตานั้นหลุด และข้ามไปคำอธิษฐานของคุณจะเป็นจริง
การพูดคำว่า “กระต่าย”
มีความเชื่อที่ว่าการพูดคำว่า “กระต่าย” ซ้ำๆ สองถึงสามครั้งในวันแรกของเดือนจะทำให้เกิดเรื่องดีๆ ขึ้น ซึ่งคล้ายกันกับความเชื่อเรื่องเท้ากระต่าย เนื่องจากมันเชื่อมโยงกับโชคลางและเป็นสัญลักษณ์นำโชคจากจิตวิญญาน
ความเชื่อนั้นในแง่หนึ่งก็ถือว่าเป็นการอธิบายสิ่งที่ที่วิทยาศาสตร์ยังไม่อาจอธิบายได้เพื่อสร้างความสบายใจให้กับมนุษย์ แต่หากเชื่อมากเกินไปอาจทำให้เกิดภาวะเป็นทุกข์ได้เช่นเดียวกัน
ที่มา : rd.com