คุณลักษณะส่วนบุคคล หรือทักษะบางประการที่ดูเหมือนไม่มีประโยชน์ หรือบางครั้งอาจโยงไปในทางลบให้ดูเสียหาย แต่รู้หรือไม่ว่าเรื่องเหล่านี้นักวิทยาศาสตร์เผยว่าสามารถระบุระดับการทำงานของสมองในตัวบุคคลได้
ว่าแต่คุณลักษณะ และทักษะเหล่านี้คืออะไร จะทำให้ชีวิตเราดีขึ้นมากน้อยแค่ไหน ตามมาศึกษากันเลย
1. ถนัดซ้าย (หรือถนัดทั้งสองข้าง)
นักวิทยาศาสตร์เชื่อมโยงการถนัดซ้ายเข้ากับการคิดแบบอเนกนัย (Divergent Thinking) ซึ่งเป็นความคิดที่ต้องอาศัยจินตนาการ การคิดจากหลายทาง เพื่อสร้างไอเดียใหม่ๆ เช่นเดียวกับผู้ที่ถนัดใช้มือทั้งสองข้าง คือผู้ที่มีพัฒนาการอย่างเท่าเทียม
ดังนั้น ถ้าคุณถนัดขวาลองพยายามทำกิจกรรมบางอย่างด้วยมือซ้ายในทำนองเดียวกับมือขวา ซึ่งการทำเช่นนี้จะเป็นการกระตุ้นส่วนที่ไม่ได้พัฒนาของสมอง
2. มักกังวลเกี่ยวกับเรื่องเล็กๆ
ในระหว่างการศึกษา นักวิทยาศาสตร์ได้ให้นักเรียนในโรงเรียนประถมจำนวน 126 คนกรอกแบบสอบถามว่า บ่อยแค่ไหนที่พวกเขารู้สึกกังวลเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการให้ความสนใจต่อข่าวลือ หรือครุ่นคิดถึงสถานการณ์ที่ทำให้พวกเขาไม่สบายใจ
ผลปรากฎว่าเด็กที่มักกังวลเหล่านี้จะทำคะแนนได้มากกว่า ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เชื่อมโยงเรื่องนี้เข้ากับข้อเท็จจริงที่ว่าผู้ที่มีความกังวลบ่อยๆ มักทำงานของตนได้ดีขึ้น
3. ชอบเรื่องตลก
นักศึกษาประมาณ 400 คนได้ทำแบบทดสอบเกี่ยวกับความสามารถในการพูดคุยหัวข้อต่างๆ หลังจากผ่านการทดสอบแล้วนักเรียนได้รับคำขอให้ใส่คำบรรยายภาพจากการ์ตูน
ผลปรากฏว่าประมาณ 86% ของนักเรียนฉลาดที่ได้คะแนนสูงสุดในการทดสอบ เลือกคำอธิบายแบบตลก โดยอารมณ์ขันมีผลต่อความสามารถทางปัญญาช่วยใหสมอง และระบบประสาทอยู่ในสภาพดี ทำให้เราฉลาดขึ้น
4. อยากรู้อยากเห็นมากเกินไป
นักจิตวิทยาจาก London University กล่าวว่า “มีความเป็นไปได้ว่าเด็กที่อยากรู้อยากเห็น ซึ่งตรงข้ามกับเด็กที่เรียนรู้ด้วยหัวใจ จะกลายเป็นผู้ริเริ่มเปลี่ยนแปลงตลอดช่วงชีวิตของเขา”
ศาสตราจารย์ Tomas Chamorro-Premuzic จาก Harvard Business Review กล่าวว่า “ความอยากรู้อยากเห็นทำให้เด็กๆ สนใจวิทยาศาสตร์ และศิลปะมากขึ้น ซึ่งเป็นวิธีการรับรู้ และการแสดงออก”
5. ชอบทำงานจนดึกดื่น
หากเป็นคนที่ชอบทำงานจนดึกดื่น มีแนวโน้มที่สติปัญญาของคนๆ นั้นจะสูงกว่าค่าเฉลี่ย ซึ่งนักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่า เพราะความสามารถในการทำงานของสมองมีสูงมาก จนทำให้เกิดความท้าทายต่อกิจวัตรประจำวัน
จากการศึกษาที่ตีพิมพ์โดย Personality and Individual Differences อธิบายความเชื่อมโยงระหว่างความฉลาดของเด็กกับนิสัยการนอน พบว่าคนฉลาดส่วนใหญ่มักตื่นสายทั้งในวันธรรมดา และวันหยุดสุดสัปดาห์
6. รู้สึกไวต่อสิ่งกระตุ้น และฟุ้งซ่านง่าย
จากการศึกษาใหม่กล่าวว่า ยิ่งยากต่อการจดจ่อ คุณยิ่งฉลาดมากขึ้น โดยนักวิทยาศาสตร์อธิบายว่า เนื่องจากมันยากที่จะรักษาระดับการทำงานของสมองภายใต้การควบคุม
7. เดินบ่อย
นักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกันได้ทำการศึกษาสถิติ และพบว่า คนที่อาศัยอยู่ในเมืองที่ผู้คนมักเดินเท้า จะมีระดับสติปัญญาสูงกว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองอันคราคร่ำด้วยระบบขนส่ง
8. ตระหนักว่าคุณเองยังไม่รู้อะไรอีกมาก
คนฉลาดไม่กลัวที่จะยอมรับว่าตัวเองไม่รู้ เพราะความไม่รู้นี่เองที่พวกเขาสามารถหาคำตอบได้ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่คุณมักมีคำถามปรากฎในหัวอยู่เสมอๆ และไม่กลัวที่จะถามออกไป
9. ควบคุมตัวเองได้
คนฉลาดสามารถจัดการกับความหุนหันพลันแล่น และมีความสามารถในการจัดการอารมณ์ นอกจากนี้พวกเขายังพิจารณาถึงผลกระทบก่อนลงมือทำ
10. มักผัดวันประกันพรุ่ง
ตามความเห็นของนักวิจัยเผยว่า คนที่สามารถหาเหตุผลมาอ้างผัดวันออกกำลังกายได้ คือคนที่มีอุปสงค์ด้านกระบวนการรับรู้สูง
11. ชอบเคี้ยวตลอดเวลา
เป็นข้อเท็จจริงที่ทราบกันดีว่า การเคี้ยวหมากฝรั่งเป็นการเพิ่มการทำงาน และสมาธิของสมอง แต่เป็นเพียงในช่วงเวลา 20 นาทีเท่านั้น อย่างไรก็ตามนักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าคนฉลาดมักจะมีนิสัยชอบขบเคี้ยวอะไรบางอย่างอยู่ตลอดเวลา
12. งีบหลับระหว่างวันเป็นบางครั้ง
สมองของคนฉลาดทำงานหนัก และเหนื่อยล้าได้ในเวลาอันรวดเร็ว ในขณะเดียวกันก็สามารถชาร์จพลังได้ไวด้วย และเพื่อเป็นการขจัดความเหนื่อย และความล้าของดวงตา จึงต้องทำการโหลดสมองใหม่ โดยงีบหลับอย่างน้อย 20 นาที
แล้วคุณล่ะเข้าข่ายคุณลักษณะเหล่านี้บ้างหรือเปล่า??
ที่มา brightside