นาทีนี้ผู้คนในแวดวงเทคโนโลยีและดาราศาสตร์คงไม่มีใครไม่รู้จักชื่อของ Elon Musk เจ้าของจรวดอวกาศ SpaceX และรถยนต์พลังงานไฟฟ้า Tesla
แต่สำหรับใครที่พึ่งจะเคยได้ยินชื่อของเขา หรือยังไม่รู้จักอัจฉริยะคนนี้ เดิมเขามีชื่อเต็มว่า Elon Reeve Musk เกิดวันที่ 28 มิถุนายน ปี 1971 ในเมือง Pretoria ประเทศแอฟริกาใต้ มีพ่อเป็นชาวแอฟริกาใต้ทำงานเป็นวิศวกรอิเล็คทรอนิกส์ (Errol Musk) ผู้ร่ำรวยมากจากธุรกิจมากมายรวมทั้งเหมืองมรกต มีแม่เป็นนักโภชนาการและนางแบบลูกครึ่งแคนนาดา-อเมริกัน (Maye Musk) มีน้องชายชื่อ Kimbal Musk และน้องสาว Tosca Musk
ชีวิตวัยเด็กของ Elon Musk ไม่ได้สวยงามนัก โลกของเขาพังทะลายตั้งแต่อายุได้ 9 ขวบเมื่อพ่อแม่ตัดสินใจหย่า แถมยังถูกเพื่อนๆ รุมแกล้งจนถูกหามส่งโรงพยาบาล
เขาฉายแววอัจฉริยะตั้งแต่อายุได้แค่ 10 ขวบ ด้วยการเริ่มหัดใช้คอมพิวเตอร์ครั้งแรกกับเครื่อง Commodore VIC-20 ก่อนจะเรียนเขียนโปรแกรมหลักสูตรที่คนทั่วไปใช้เวลาถึง 6 เดือนจบได้ใน 3 วัน ขณะอายุได้แค่ 12 ปี (แถมเรียนด้วยตัวเองด้วยนะ)
แรงกระตุ้นที่ทำให้เขาสนใจในดาราศาสตร์เกิดขึ้นตอนอายุ 14 เมื่อเขาได้อ่านหนังสือที่มีชื่อว่า The Hitchhiker’s Guide to the Galaxy ซึ่งเป็นหนังสือเกี่ยวกับการท่องไปในอวกาศ และจากนั้นเป็นต้นมาเขาก็ได้ตัดสินใจว่า ภาวรกิจในชีวิตของเขานับตั้งแต่นี้ไป คือการรักษาการดำรงอยู่ของมวลมนุษยชาติ
แม้จะเกิดมาในบ้านที่มีฐานะ แต่เนื่องจากปัญหาและความไม่ลงรอยกับพ่อ(ที่เขาเลือกอยู่ด้วยหลังจากที่พ่อแม่หย่าร้างกัน) ทำให้ Elon Musk เลือกที่จะหาเงินส่งตัวเองเรียนและติดนิสัยพึ่งพาตนเองไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใคร
อย่างที่เคยบอกไปว่า เนื่องจากชีวิตในวัยเด็กของเขาถูกกลั่นแกล้งจากเพื่อนในโรงเรียนด้วยการจับเขาโยนลงจากบันไดและตามมาทุบตีซ้ำจนสลบ ทำให้เพื่อนแท้ของ Elon มีเพียงแค่หนังสือไม่ใช่มนุษย์ ตั้งแต่ 7 ขวบ Elon เป็นนักอ่านตัวยง เขาใช้เวลามากกว่า 10 ชั่วโมงในการอ่านทุกอย่างที่อยาอ่านซึ่งเรื่องราวในหนังสือทำให้เขาได้เปิดมุมมองที่มีต่อโลกรวมถึงทดลองทำสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง จนประสบความสำเร็จหลายครั้ง
Elon รู้ตัวดีว่าเขาต้องการอะไร จึงวางแผนไปที่ซิลิคอนวัลเลย์ เมืองในอเมริกาที่เป็นถิ่นรวมตัวของนักวิทยาศาสตร์และนักคิดในสาขาต่างๆ แม้ว่าพ่อจะไม่ส่งเขาเรียนต่อ (หลัเรียนจบชั้นมัธยมปลาย Elon ขอย้ายไปอยู่แคนาดาซึ่งพ่อของเขาประกาศว่าถ้าไม่อยู่ในแอฟริกาก็หาเงินเรียนเอง) แต่เขาก็พยายามทำงานอย่างหนักเพื่อหาเงินเรียนและพยายามสอบชิงทุนเพื่อจะไปไปตามเส้นทางที่วาดฝันไว้
ความพยายามของ Elon นั้นก็ฉายแววมาตั้งแต่ยังเล็กๆ เช่นกัน เนื่องจากนิสัยรักการอ่าน ทำให้เขาหาความรู้ได้อย่างมากมายจากหนังสือและนำความรู้เหล่านั้นมาลองผิดลองถูกจนกลายเป็นผลงานเกมที่ทำออกมาขายได้ตั้งแต่อายุได้เพียง 12 ขวบไปจนถึงการสร้างยานจรวดด้วยตนเองจากการอ่านหนังสือ
นอกจากจะสร้างเกม สร้างจรวดอวกาศแล้ว Elon Musk ยังเคยเปิดบริษัท Zip2 ร่วมกับน้องชายซึ่งเป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับการให้บริการข้อมูลการท่องเที่ยว โดยตัวเขาเป็นคนเขียนโปรแกรมและตัวเว็บไซต์เอง ก่อนจะโดนปลดจากตำแหน่ง CEO โดยกลุ่มนักลงทุน
หลังจากนั้นเขาไปทำธุรกิจอีกหลายอย่าง เช่น X.com (ธนาคารออนไลน์) Paypal (ระบบจ่ายเงินออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก) Tesla Motors (รถยนต์พลังงานไฟฟ้า) SpaceX (จรวดอวกาศทำร่วมกับ NASA) บริษัท The Boring Company (ทำอุโมงค์ยังเพื่อใช้ในการเดินทางด้วยความเร็วสูง) และกลุ่ม OpenAi (องค์กรไม่แสวงหากำไร เพื่อสนับสนุนงานวิจัยด้านปัญญาประดิษฐ์)
ดูเหมือนเขาจะมีชีวิตที่น่าอิจฉากับความชาญฉลาด แต่ในชีวิตครอบครัว Elon ผ่านการหย่าร้างเช่นเดียวกับพ่อของเขา แถมยังต้องสูญเสียลูกชายคนแรกที่พึ่งจะลืมตาดูโลกได้ไม่นาน นอกจากนี้ยังต้องผ่าวิกฤตเกือบล้มละลายและบริษัทที่ขาดทุนย่อยยับมานับครั้งไม่ถ้วน (ยังไม่รวมการโดนปลดจากตำแหน่ง CEO ทั้งที่เป็นบริษัทของตัวเองอีกนะ)
แต่ถึงอย่างนั้น ด้วยความที่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ทุกครั้งที่ล้ม Elon จะรีบลุกขึ้นเพื่อเดินหน้าต่อไป เพราะเป้าหมายของเขาคือการรักษาเผ่าพันธุ์มนุษย์ให้คงอยู่แม้จะต้องเผชิญกับวิกฤตธรรมชาติ…อาจฟังดูยิ่งใหญ่เกินตัว แต่พ่อหนุ่มคนนี้มีความฝันแบบนี้มาตั้งแต่อายุได้แค่ 14 ปีเท่านั้น
ความห่วงใยที่เขามีต่อมนุษยชาติก็เป็นจุดกำเนิดให้เกิดสิ่งประดิษฐ์มากมายที่จะช่วยให้มนุษยชาติเดินหน้าต่อไปในอนาคตได้อย่างมั่นคง
ที่มา : www.ceoblog.co