นอกจากเรื่องเศรษฐกิจ หรือการศึกษาแล้ว ระบบสิ่งแวดล้อมถือเป็นปัญหาหลักที่ควรได้รับการเยียวยามากกว่านี้ หากสังเกตดีๆ จะเห็นว่าธรรมชาติรอบตัวเริ่มแย่ลงทุกที
ซึ่งอาจเป็นเพราะแก้ปัญหายังไม่ถูกจุด หรือใส่ใจไม่มากพอ โดยทั้ง 5 เมืองจากทั่วโลกต่อไปนี้ เรียกได้ว่าเป็นตัวอย่างที่ดีในการดูแล และใส่ใจสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง
1. ซานฟรานซิสโก
เป็นเมืองในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นถิ่นฐานของวิทยาการอันก้าวหน้ามากที่สุดของโลก ไม่ว่าจะเป็น Facebook หรือ Google ซานฟรานเป็นดินแดนแห่งความก้าวหน้า และนวัตกรรมด้านเทคโนโลยี
ตั้งแต่ปี 2012 มาแล้วที่มีการประกาศว่าประมาณ 80% จากของเสียในเมืองจะถูกนำไปรีไซเคิลมากกว่าโละทิ้ง จึงทำให้กลายเป็นเมืองชั้นนำของสหรัฐอเมริกาในเรื่องการกำจัดขยะอย่างยั่งยืน
2. สิงคโปร์
พื้นที่สวนสีเขียวที่โดดเด่นที่สุดของที่นี่คือ Gardens By the Bay เป็นที่ตั้งของโครงสร้างอันมีต้นไม้สูงตระหง่าน “Super-Tree” โดย Gardens By the Bay เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียง และได้รับรางวัลมากมาย มีพื้นที่กว่า 600 ไร่
อีกทั้งยังมี Supertree Grove ต้นไม้ยักษ์ที่เป็นรูปแบบของสวนแนวตั้ง ด้านบนมีการติด Solar cell เพื่อใช้เก็บเป็นพลังงานส่องแสงในเวลากลางคืน
.
3. แวนคูเวอร์
เมืองในประเทศแคนาดา ล้อมรอบด้วยธรรมชาติอยู่ในใจกลางของรัฐบริติชโคลัมเบีย และถือได้ว่าเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของรัฐ โดยพวกเขามีการวางแผนเพื่อที่จะให้กลายเป็นเมืองที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมภายในปี 2020 โดยลดการปลดปล่อยคาร์บอนลง 33% และมุ่งมั่นที่จะปลูกต้นไม้อีก 150,000 ต้น
.
4. นิวยอร์ก
ในคำว่า “ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม” มหานครนิวยอร์กอาจเป็นสถานที่สุดท้ายที่คุณนึกถึง อีกทั้งยังอุ่นหนาฝาคั่งไปด้วยกลุ่มผู้อยู่อาศัย
โดยมหานครแห่งนี้มีอัตราการเป็นเจ้าของรถยนต์ต่ำที่สุดจากทั่วทั้งสหรัฐอเมริกา และประมาณกว่า 1.5 ล้านคนที่เลือกใช้รถไฟใต้ดินแทน
5. กรุงโซล
โซลเป็นผู้นำนวัตกรรมด้านเทคโนโลยี และเป็นหนึ่งในต้นแบบแรกๆ ของเมืองอัจฉริยะ (Smart City) พวกเขาทำการรวบรวมข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวกับเมือง และเผยแพร่ผ่านทางอินเทอร์เน็ต
โดยข้อมูลบางส่วนนี้ใช้เพื่อการอัปเดตแบบถ่ายทอดสด พร้อมทั้งสถิติสำหรับระบบขนส่งสาธารณะ ซึ่งทำให้ประชาชนทราบว่าพวกเขากำลังใช้รถไฟมากแค่ไหน และทำให้ผู้ประกอบการรถไฟสามารถจัดการกับทรัพยากรได้ดีขึ้น
ที่มา www.ef.com