“jet lag” คืออาการที่ร่างกายปรับตัวไม่ทันเมื่อเราเดินทางข้ามโซนเวลาจากการเดินทางระยะไกล สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาอาจเป็นการนอนไม่หลับ การง่วงหรือหิวผิดเวลา และความอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเมื่อเกิดขึ้นบ่อยๆ อาจส่งผลถึงสุขภาพด้านอื่นๆ ในระยะยาว
มีการศึกษาพบว่าต้องใช้เวลาเป็นวันๆ กว่าที่คุณจะสามารถฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาสมบูรณ์จากอาการ jet lag ได้อีกครั้ง และมีเคล็ดลับมากมายที่จะช่วยปกป้องร่างกายให้เผชิญกับอาการ jet lag นี้ได้น้อยที่สุด ตัวอย่างเช่น
1. ปรับกำหนดการให้ผ่อนคลายลง
หากคุณรู้ว่าต้องเดินทางไกลและไปในที่ที่เวลาแตกต่างจากเดิมมาก คุณควรเริ่มปรับตารางชีวิตให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นเพื่อให้ร่างกายพร้อมปรับตัวเมื่อต้องเจอสภาพแวดล้อมใหม่ๆ
2. นอนหลับให้สนิทก่อนจะออกเดินทาง
ผู้คนมักจะนอนหลับไม่กี่ชั่วโมงก่อนออกเดินทาง ไม่ว่าจะด้วยความตื่นเต้นหรือเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ แต่นั่นคือสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะการนอนไม่เพียงพอหรือนอนหลับแต่ไม่สนิทอาจส่งลต่อการนอนของคุณและทำให้การปรับตารางเวลาในต่างแดนทำได้ยากมากขึ้น
3. หลีกเลี่ยงการถึงที่หมายในยามค่ำคืน
ถ้าหากเลือกได้ คุณควรเลือกให้เดินทางไปถึงที่หมายในเวลากลางวัน เพื่อให้ง่ายต่อการตื่นตัว คุณอาจจะทำกิจกรรมระหว่างวันได้อย่างไม่เต็มที่ในช่วงเเรกๆ แต่หลังจากนั้นคุณจะสามารถนอนหลับได้สนิทแม้จะยังไม่ถึงเวลานอนในยามปกติก็ตาม
4. รู้ว่าคุณได้นั่งเครื่องบินแบบไหน
ไม่จำเป็นต้องเป็นนักสืบก็รู้ได้ว่าเครื่องบินรุ่น A350s และ A380s เป็นเครื่องบินที่ดีที่สุดสำหรับคนที่ต้องการเอาชนะอาการ jet lag
ระบบความชื้นสูงภายในเครื่องจะช่วยให้อากาศคงความชุ่มชื่นและระบบแสงสว่าง LED ที่สามารถสร้างสีสันได้ถึง 16.7 ล้านสีที่จำลองรูปแบบธรรมชาติจะช่วยลดอาการ jet lag ได้
5. แบ่งการเดินทางออกเป็นเที่ยวๆ
ในกรณีที่้ต้องเดินทางไกล ลองเเบ่งการเดินทางออกเป็นส่วนๆ เพื่อให้ร่างกายของคุณมีระยะเวลาการรับตัว นอกจากนี้การแวะพักหรือเที่ยวในเมืองใดเมืองหนึ่งยังช่วยให้ราคาค่าตั๋วเครื่องบินถูกลงด้วย
6. หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์
แม้จะเป็นการเริ่มต้นการพักผ่อน แต่การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนเครื่องบินจะเพิ่มความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าให้กับร่างกาย และยิ่งทำให้อาการ jet lag หนักมากขึ้นจนเกินจะต้านไหว
7. อย่าใช้ยานอนหลับ
การพึ่งพายานอนหลับสำหรับเที่ยวบินระยะยาวไม่ใช่ความคิดที่ดีนักหรอก ขอเตือนไว้เลย เพราะเมื่อถึงที่หมายมันจะทำให้คุณรู้สึมึน เบลอ และสมองมีการตื่นตัวได้ล่าช้า ตัวเลือกที่ดีกว่าคือการใช้ผ้าปิดตาหรือดื่มชาสมุนพรที่ช่วยให้นอนหลับได้สบายขึ้น
8. ไม่ดื่มกาแฟ
หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น กาแฟ โคล่า และเครื่องดื่มชูกำลัง เพราะสิ่งเหล่านี้จะกระตุ้นให้คุณตื่นตัวเกินจำเป็นและส่งผลต่อการนอนกลับ นอกจากนี้ยังทำให้ร่างกายฟื้นตัวจากการ jet lag สิ่งที่ดีที่สุดที่คุณควรดื่มคือน้ำสะอาดเพื่อให้ร่างกายชุ่มชื้นเพียงพอ
9. ตั้งนาฬิกาของคุณ
การปรับเวลาให้ตรงกับจุดหมายปลายทางมีผลทำให้คุณสามารถปรับตัวได้ง่ายขึ้นตามหลักจิตวิทยา แต่ต้องให้แน่ใจว่าคุณปรับเวลาหลัจากอกเดินทางแล้ว เพื่อไม่ให้คุณพลาดเที่ยวบินจากการที่เวลาไม่ตรงกัน
10. กินอาหารตามเวลาที่ถูกต้อง
สิ่งที่จะทำให้คุณปรับตัวได้ไวและงายที่สุดคือการกินอาหารตามเขตเวลาใหม่ และละเว้นการกินจุบกินจิบไปสักพักก่อนเพื่อให้นาฬิกาชีวิตเดินได้อย่างต่อเนื่อง
หลังการเดินทางมักเป็นวันที่เหนื่อยล้าแม้จะกลับมาพร้อมความประทับใจมากแค่ไหน ที่สำคัญคือการดูแลตัวเองเพื่อให้พร้อมทั้งก่อนไปและเมื่อกลับมาจะได้มีแรงออกไปเที่ยวได้อีกหลายๆ ครั้ง
ที่มา : www.skyscanner.net