การสมัครทุนก็เหมือนการแข่งขันที่เข้มข้นกว่าการสมัครเรียนทั่วไป เพราะทุนไม่ได้แจกให้ทุกคน ถ้าคุณมุ่งมั่นตั้งใจ โอกาสคว้าทุนก็มีอยู่มาก มือใหม่ที่อยากลองสนามนี้สักครั้ง ฮอทคอร์สสรุป 4 หลักกิโลที่ต้องผ่าน ดังนี้
1. รู้จักทุน : จะไปขอทุนเขารู้จักทุนของเค้าดีหรือยัง
ประเภทของทุนและ ทุนนั้นๆมีเงื่อนไขการให้ทุนอย่างไร ให้เต็ม ให้ครึ่ง ต้องใช้ทุนหรือไม่ รายละเอียดตรงนี้ต้องทำความเข้าใจ ใครอยากรู้ว่ามีกี่ประเภทอ่านต่อได้ที่นี่อย่าลืมดู วิธีการสมัคร วันเปิดรับ ถ้าพลาดไปปีนี้ไม่เป็นไรจะได้เตรียมตัวไว้ปีหน้าแต่เนิ่นๆ
ทุน Asian Development Bank จากญี่ปุ่น
แนะว่าลองดู “ทุนนอกกระแส” ซึ่งมักเป็นทุนที่ไม่ได้มาจากองค์กรศึกษาขนาดใหญ่หรือ องค์กรทุนนานาชาติทีมีการบริหารงานแบบทั่วโลกที่เรารู้จัก แต่อาจเป็นทุนที่มาจากบริษัทเอกชนระดับกลาง หรือองค์กรอิสระ ซึ่งฮอทคอร์สจะขอแบ่งง่ายๆเป็น 2 แบบ
1 ทุนจากบริษัทเอกชน หรือองค์กรอิสระ เช่น ทุนปูนอินทรีย์ที่ให้เฉพาะเด็กต่างจังหวัด หรือ ทุนTCDC (Thailand Creative & Design Center) ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ ที่ให้ทุนเฉพาะด้านออกแบบและดีไซน์เท่านั้น
2 ทุนจากองค์กรการศึกษา เป็น ทุนช่วยเหลือของมหาวิทยาลัยต่างๆ มหาวิทยาลัยต่างประเทศเกือบทุกที่จะมีทุนการศึกษาประจำคณะอยู่แล้ว ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยด้านการเงินของนักเรียนไทย หลังจากที่เราได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยแล้ว หรือเมื่อเราสมัครเรียน เราสามารถสมัครทุนได้ด้วย ซึ่งทุนเหล่านี้โดยมากจะแยกเป็นของเด็กทีมาจากนอกประเทศ และเด็กภายในประเทศ ดังนั้นการแข่งขันก็จะลดลง โอกาสได้ก็มากขึ้น
2. จับคู่ทุน :
ทุนมีอยู่เยอะ แต่ทุนไหนที่เหมาะกับเรา ทำความรู้จักตัวเองจุดแข็ง จุดอ่อนของเรา เตรียมเอกสารเพื่อให้ใบสมัครเราดูดี และ เหตุผลที่เราต้องการทุนนั้นเหมาะกับวัตถุประสงค์ของการให้ทุนหรือไม่ เช่น ทุนเพื่ออาจารย์สอนภาษาในต่างประเทศ แต่เรากลับเขียนใน Statement of purpose ว่าเป็นเพราะอยากจะเป็นนักแปลหนังสือเด็ก ก็ดูจะเป็นเหตุผลส่วนตัวเกินไป ส่วนใหญ่แล้วเหตุผลที่อยากได้ทุนกับจุดประสงค์ของการให้ทุนต้องแมชท์กัน คนนั้นก็มีโอกาสเข้ารอบมากขึ้น บางทีเอกสารของเราจะไม่ดูดีเท่าผู้สมัครคนอื่น แต่เหตุผลที่เราอยากได้ทุน มันดีและมีคุณค่า
3. เตรียมใบสมัครทุน
-ใบสมัครทุนมีความแตกต่างจากใบสมัครเรียนทั่วๆไปอยู่เล็กน้อย สิ่งที่แตกต่างและต้องรู้เรื่องการเตรียมเอกสารสมัคร เอกสารที่ส่งส่วนมากก็เหมือนกัน ได้แก่
-Education Certificate : หลักฐานการศึกษาหรือใบแสดงผลการเรียน
-CV หรือ Resume : วิธีการเขียน CV เพื่อสมัครทุน
-Statement of Purpose : อย่าลืมเขียนชื่อตัว คณะ และชื่อทุนที่ต้องการจะสมัครให้ถูกต้องชัดเจน
-Letter of Recommendation : ดูว่าเค้าต้องการกี่ฉบับจากที่เรียน และจากที่ทำงาน
-Application : ดูให้ชัดเจน ส่งที่ใคร ที่คณะไหน ภายในวันที่เท่าไหร่ บางที่ให้ส่งทั้ง online และทางไปรษณีย์ ฮอทคอร์สแนะว่า หากไม่ได้รับการยื่นยันหรือตอบรับทางเมล ควรโทรไปเชคว่าสถาบันได้รับใบสมัครของเราเป็นที่เรียบร้อย ลองคิดดูว่าลงแรงไปเยอะ ถ้าเอกสารของเราไปไม่ถึง ก็จบเห่ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม โทรไปตามนิดนึง สบายใจทั้งเรา แถมยังดูเป็นผู้สมัครที่เอาใจใส่และรอบคอบอีกด้วย
-Portfolio : ทุนบางสาขา เช่น ศิลปะ หรือ ออกแบบ อาจมีของให้ส่งผลงาน ตัวอย่าง คุณอาจทำ Portfolio online ดูตัวอย่างเจ๋งๆและสร้างพอร์ทของคุณได้ที่ Wixblog หรือ Portfolio ทำมือจาก Kingston University
4. ส่งใบสมัครและรอผลตอบรับ
เป็นช่วงเวลาของการทำใจให้สบาย และคิดบวกเข้าไว้ ให้คิดว่าทุนจะถูกมอบให้กับคนที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งอาจเป็นเราก็ได้
ที่มา: hotcourses