เมื่อ 100 กว่าปีที่ผ่านมา ชายคนหนึ่งได้ฆ่าตัวตายจากความเครียดหลังจากทุกข์ทรมานกับเรื่องเศร้าๆ มาตลอดชีวิต
เรื่องมีอยู่ว่าเขาเคยถูกซื้อตัวจากบ้านเกิดที่ประเทศคองโกเพื่อนำไปแสดงตัวอยู่ใน “สวนสัตว์มนุษย์” เพื่อความบันเทิงของมนุษย์ด้วยกัน เพียงแค่เพราะเขามีผิวสีคล้ำจึงทำให้เขาเป็นสิ่งประหลาดดึงดูดความสนใจจากชาวผิวขาวยิ่งนัก ชื่อของชายคนนั้นคือ ‘โอตา เบงกา’
โอตา เบงกา เป็นหนึ่งในสมาชิกชนเผ่าปิ๊กมี่ เขาสูญเสียลูกๆ และภรรยาในช่วงที่เบลเยียมมาล่าอาณานิคมที่ประเทศคองโก หมู่บ้านของเขาถูกโจมตีและฆาตกรรมเกือบทั้งหมดแต่เขารอดมาได้เพราะกำลังอยู่ในระหว่างออกล่าสัตว์ ผู้ที่รอดจากการบุกรุกฆาตกรรมนั้นจะโดนจับมาเป็นทาส และเขาก็เป็นหนึ่งในนั้น
จนภายหลังในปี คศ. 1904 ชาวอเมริกันที่มีชื่อว่า ซามูเอล ฟิลลิปส์ เวอร์เนอร์ (Samuel Phillips Verner) ได้เจอกับเขาและใช้เสื้อผ้าจำนวนหนึ่งกับเกลือเพื่อซื้อตัวโอตาจากการเป็นทาสเพื่อกลับไปที่อเมริกากับเขา
แรกสุดเวอร์เนอร์พาโอตาไปโชว์ตัวที่งานเอ็กซ์โปที่รัฐลุยเซียน่า (Louisiana Purchase Exposition) ภายใต้ชื่อว่า ‘มนุษย์จากชนเผ่าแอฟริกันกินคนคนเดียวในอเมริกา’
โดยมีเสียงตอบรับจากคนมากมายมหาศาลด้วยความแปลกตาจากสีผิวและฟันที่แหลมคมของโอตา (เกิดจากการตะไบฟันในพิธีกรรมสำหรับเด็กผู้ชายในชนเผ่าของเขา) ทำให้คนตื่นเต้นและประหลาดใจกันเป็นอย่างมาก
หลังจากนั้นในปี ค.ศ. 1906 เวอร์เนอร์พาตัวโอตาไปยังสวนสัตว์บรองซ์ (Bronx Zoo) ในรัฐนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา และถูกบังคับให้ใช้ชีวิตอยู่ในกรงกับลิงเพื่อให้คนเห็นถึงชีวิตของมนุษย์ชนเผ่าที่มีวิวัฒนาการใกล้เคียงกับสัตว์จำพวกลิง
เนื่องจากโอตามาจากชนเผ่าปิ๊กมี่ที่มีลักษณะใกล้เคียงกับคนแคระและลิง การแสดงของเขาที่สวนสัตว์จะเป็นการใช้ชีวิตทั่วไปให้คนเห็นถึงความเป็น ‘มนุษย์’ ในวิวัฒนาการหลังจากลิงมาสู่ช่วงแรกๆ ของการเป็นมนุษย์
โดยสิ่งที่เขาถูกให้ทำนั้นเป็นการกระทำที่สุดสลดและเหยียดเชื้อชาติเป็นอย่างมาก ผู้คนกว่า 500 คนทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างแห่กันมาอยู่ที่หน้ากรงและมองดูด้วยความตื่นตาตื่นใจแถมยังหัวเราะชอบใจกันอีกด้วย!!
ภายหลังเมื่อหนังสือพิมพ์ได้ลงข่าวเกี่ยวกับโอตาจึงมีคนจำนวนมากร้องเรียนกับนายกเทศมนตรีของนิวยอร์คให้ปล่อยตัวเขาจากสวนสัตว์บรองซ์
ต่อมาโอตาถูกปล่อยตัวและได้รับการดูแลภายใต้ชื่อของบาทหลวงเจมส์ กอร์ดอน (James M. Gordon) และพาเขาไปอยู่ที่รัฐเวอร์จิเนีย ซึ่งโอตาได้รับการดูแลเหมือนคนปกติธรรมดาที่ควรจะเป็น
เขาดูแลโอตาเป็นอย่างดี ด้วยการพาโอตาไปซื้อเสื้อผ้า ทำฟันใหม่และให้โอตาแต่งตัวเหมือนคนอเมริกันทั่วไปเพื่อจะได้อยู่ร่วมและได้รับการยอมรับจากสังคม นอกจากนั้นยังสอนภาษาอังกฤษให้เขาและมอบโอกาสในการทำงานให้กับเขา
แต่ชีวิตก็ไม่ได้สวยหรูและง่ายขนาดนั้น
เมื่อความหวังที่จะได้กลับบ้านเกิดที่คองโกของโอตาต้องพลังทลายลงเมื่อเกิดความจลาจลขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ทำให้ประชาชนไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้
และภายใต้สภาพบ้านเมืองที่เครียดและกดดันประกอบกับชีวิตที่น่าเศร้าของเขาจึงทำให้โอตาจบชีวิตตัวเองลงด้วยการฆ่าตัวตายในปี 1916 ด้วยอายุเพียง 32 ปีเท่านั้น!!
*ประเด็นเรื่องสีผิวและเชื้อชาตินั้นค่อนข้างอ่อนไหวและยังคงมีการถกเถียงรณรงค์กันเรื่องเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนและการอยู่ร่วมกันโดยไม่แบ่งแยกจนถึงทุกวันนี้ *
ที่มา: postjung