แม้ว่าสัญลักษณ์เหล่านี้ (), [], {} และ <> จะดูช่างคล้ายคลึงกัน และเหมือนว่าหน้าที่ของมันในการใช้นั้นไม่ได้แตกต่างกันมากนัก แต่บอกเลยว่ามันกลับมีข้อแตกต่างกันในภาษาอังกฤษ
วันนี้เราเลยจะพาไปทำความรู้จักกับสัญลักษณ์เหล่านี้ให้มากขึ้น ทั้งต้นกำเนิดที่แปลกและไม่คาดคิด พร้อมวิธีการใช้จะได้ไม่ต้องสับสนกันอีกต่อไป ไปดูกันเลย :D
() คืออะไร?
สัญลักษณ์ () รู้จักกันในภาษาไทยในชื่อว่าวงเล็บ หรือ parentheses ในภาษาอังกฤษ ซึ่ง parentheses นั้นแสดงให้เห็นว่า หนึ่งคู่ () นั้นเป็นรูปพหูพจน์ ทั้งนี้ถ้ามีแค่ ( หรือ ) อันใดอันหนึ่ง มันจะถูกเรียกว่า parenthesis ในรูปเอกเพจน์
ความหมายของมันจริงๆ นั้นมีความหมายว่า ‘วางข้างๆ’ มาจากรากศัพท์ภาษากรีกนั่นเอง สำหรับการใช้ในหลักไวยากรณ์ตามหลักภาษาอังกฤษนั้น มันมีหน้าที่เหมือนกับเครื่องหมายจุลภาค (,) ทำหน้าที่แยกส่วนของประโยคหรือการสนทนา
การใช้วงเล็บในสื่อสิ่งพิมพ์ภาษาอังกฤษนั้นต้องย้อนหลังไปอย่างน้อยในราวปี 1572 นอกจากนี้วงเล็บยังสามารถใช้เป็นตัวขัดจังหวะในประโยคเพื่อสร้างรูปแบบการเขียนที่ไม่เป็นทางการและเป็นกันเองได้
[] และ {} คืออะไร?
ทั้งสองสัญลักษณ์นั้นต่างถูกเรียกในภาษาไทยว่า ‘วงเล็บ’ เช่นเดียวกันกับ () แต่ในภาษาอังกฤษนั้น สัญลักษณ์ [] และ {} กลับถูกเรียกว่า ‘brackets’
อ้างอิงจาก Etymonline เครื่องหมาย [] และ {} คือเครื่องหมายที่ใช้ในการใส่บันทึกการอ้างอิง โน้ต หรือคำอธิบายต่างๆ เดิมถูกเรียกว่า crotchets และถูกบันทึกใช้ครั้งแรกราวในปี 1750
ในขณะเดียวกัน สัญลักษณ์ ([]) หรือ square brackets ถูกใช้ภายในของวงเล็บเพื่อแสดงให้เห็นว่ามีบางสิ่งที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของอนุประโยครอง ตัวอย่างการใช้เช่น
“During a prolonged visit to Australia, Gleuk and an assistant (James Green, who was later to make his own study of a flightless bird [the kiwi] in New Zealand) spent several difficult months observing the survival behavior of cassowaries and emus.”
อย่างไรก็ตาม สัญลักษณ์ {} นั้นมีหลากหลายชื่อ ในภาษาไทยมักถูกเรียกว่า ‘วงเล็บปีกกา’ ส่วนในภาษาอังกฤษคือ braces, curly brackets, หรือ squiggly brackets เป็นต้น โดยทั่วไปในปัจจุบันมัจะหมายถึงการกอดกันในการสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์
<> คืออะไร?
สัญลักษณ์ในกลุ่มนี้ที่น่าสับสนตัวสุดท้ายคือ <> ซึ่งในภาษาอังกฤษเรียกกันว่า ‘chevron’ แต่เดิมคำนี้มาจากภาษาฝรั่งเศสเก่าแปลว่าคานค้ำหลังคา (rafter) ซึ่งเชื่อว่ามาจากภาษาละติน (caper) ซึ่งแปลว่า ‘แพะ’ เพราะสัญลักษณ์ดูคล้ายกับขาหลังของสัตว์เหล่านั้น
ปัจจุบัน สัญลักษณ์เหล่านี้มักใช้ในปัญหาทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น parentheses () , brackets {} [], และ chevrons <> ต่างถูกใช้ที่เกี่ยวกับวิทยาการคอมพิวเตอร์ และการเขียนโปรแกรมนั่นเอง
น่าทึ่งที่ภาษาอังกฤษนั้นสามารถแบ่งแยกการใช้สัญลักษณ์เหล่านี้ได้อย่างหลากหลาย อีกทั้งยังแบ่งแยกชื่อเรียกทั้ง parentheses, brackets และ chevron ทั้งๆ ที่ภาษาไทยแทบจะเรียกเป็นคำเดียวกันคือ ‘วงเล็บ’ รู้แบบนี้แล้วก็อย่าลืมใช้ให้ถูกตามหลักไวยากรณ์กันด้วยนะ ^^’
ที่มา: dictionary