ปัจจุบันมีโครงการอาสาสมัครมากมายให้เลือกใช้บริการ เพื่อเปิดประสบการณ์ท่องโลกกว้างในแบบที่ประหยัดค่าใช้จ่ายให้มากที่สุด! แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าโครงการไหนที่ดีที่สุด? และตอบโจทย์สไตล์ของคุณมากที่สุดกันแน่?
โครงการที่เป็นที่นิยมนั้นได้แก่ WWOOF, HelpX, Workaway, Worldpackers, Hippohelp และ Volunteers Base ซึ่งแต่ละโครงการก็มีทั้งจุดเด่น และจุดด้อยที่แตกต่างกันไป หากอยากเรียนรู้ให้มากขึ้นก็เลื่อนลงไปดูกัน :D
#1 WWOOF
WWOOF หรือย่อมาจาก Officially World Wide Opportunities on Organic Farms เป็นเครือข่ายที่ได้รับความนิยมทั่วโลก มีงานให้เลือกที่หลากหลายเพื่อแลกอาหาร และที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นการทำฟาร์ม หรือเก็บเกี่ยว เป็นต้น
ค่าใช้จ่าย: ลงทะเบียนเข้าร่วมสูงสุด $72 ต่อปี (ราว 2,200 บาท)
จุดเด่น: หากอยากเรียนรู้ทักษะการทำฟาร์มอย่างยั่งยืน WWOOF คือจุดเริ่มต้นที่ดี อีกทั้งยังเป็นเครือข่ายอาสาสมัครที่เปิดให้บริการมานานเกือบ 50 ปี!
จุดด้อย: เพราะมันถูกก่อตั้งก่อนยุคอินเทอร์เน็ตจะได้รับความนิยม โครงสร้างระบบพื้นฐานต่างๆ จึงไม่ได้ถูกปรับให้เหมาะสมกับโลกสมัยใหม่
#2 Workaway
อีกหนึ่งช่องทางที่เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น Workaway มีจุดประสงค์เพื่อสร้างชุมชนแห่งการแบ่งปันของนักเดินทาง เหล่าอาสาสมัครได้ท่องเที่ยวเห็นโลกอีกใบ ในขณะที่โฮสต์ก็พร้อมต้อนรับแขกผู้มาเยือน
ค่าใช้จ่าย: $56 ต่อปีสำหรับสองคน (ราว 1,860บาท) และ $44 สำหรับคนเดียว (ราว 1,460 บาท)
จุดเด่น: มีความทันสมัย เสนอโอกาสในการทำงานมากมาย และยังสามารถขอ Letter of Reference จากโฮสต์เพื่อใส่ในเรซูเม่ได้ด้วย
จุดด้อย: หากใครสนใจงานที่เกี่ยวกับเกษตรอินทรีย์ WWOOF อาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า Workaway
#3 Worldpackers
Worldpackers เปิดโอกาสให้ใช้ชีวิตเดินทางอย่างยืดหยุ่น มีจุดมุ่งหมาย และอิสระมากขึ้น สามารถเดินทางแลกเปลี่ยนทักษะสำหรับที่พัก และทำความรู้จักกับชุมชนนักเดินกว่า 2 ล้านคน และโฮสต์อีกว่า 100 ประเทศทั่วโลก
ค่าใช้จ่าย: $49 ต่อปี (ราว 1,500 บาท)
จุดเด่น: เหมาะสำหรับนักเดินทางหน้าใหม่ เพราะแพลตฟอร์มนี้จะแนะนำนักเดินทางที่มีประสบการณ์ให้ช่วยเหลือคุณ รวมถึงยังมีการตรวจสอบโฮสต์อย่างดีเยี่ยม และหากเจอโฮสต์แย่ๆ ทางโครงการยังช่วยเหลือที่พักให้อยู่อาศัยชั่วคราวอีกด้วย
จุดด้อย: แพลตฟอร์มมีรูปแบบที่ใช้ยาก และเข้าใจยากไปบ้าง
#4 HelpX
HelpX มุ่งเน้นไปที่การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือและผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ เพื่อให้แน่ใจว่า HelpX มีโอกาสในการทำฟาร์มมากมาย
ค่าใช้จ่าย: $11 ต่อปี (ราว 340 บาท)
จุดเด่น: ค่าสมัครสมาชิกถูก และสามารถเข้าถึงโฮสต์ได้จากทั่วโลก อีกทั้งยังมีงานที่เต็มไปด้วยความหลากหลายนอกเหนือจากการทำฟาร์ม เช่น ช่วยรีโนเวทที่อยู่อาศัย เป็นต้น
จุดด้อย: เว็บไซต์ไม่มีความทันสมัย และใช้งานยาก
#5 HippoHelp
Hippohelp เป็นแพลตฟอร์มฟรีที่เชื่อมต่อนักเดินทางกับโฮสต์ โฮสต์สามาถติดต่อกับอาสาสมัครทั่วโลกได้โดยตรง และอาสาสมัครก็สามารถทำงานพร้อมท่องเที่ยว แลกกับอาหารและที่พักได้ฟรี
ค่าใช้จ่าย: $13 (ราว 400 บาท)
จุดเด่น: มีมุมมองแผนที่ที่ค้นหาง่าย ทำให้การค้นหาโฮสต์ที่ใช่นั้นสะดวกมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถใช้แอปพลิเคชันเพื่อค้นหาเพื่อนร่วมทางด้วยกันได้
จุดด้อย: ถือเป็นแพลตฟอร์มน้องใหม่ จึงทำให้ยังไม่มีโฮสต์มากนัก
#6 Volunteers Base
Volunteers Base เป็นเครือข่ายแลกเปลี่ยนความช่วยเหลือที่ไม่เสียเงิน ซึ่งโปรเจกต์อาสาสมัครนั้นสามารถเป็นอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นเกษตรกรรม, อาคาร, โรงแรม, สอนภาษา, งานบ้าน, งานชุมชน, ศิลปะ, งานฝีมือ หรือการดูแลทำความสะอาด ฯลฯ
ค่าใช้จ่าย: ฟรีสำหรับทุกคน
จุดเด่น: สามารถเข้าใช้บริการได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
จุดด้อย: ไม่มีแผนที่ให้ในแพลตฟอร์ม และไม่มีวิธีการจัดเรียงให้หาได้ง่ายๆ แต่นั่นก็คุ้มค่าเมื่อเปรียบเทียบว่าเป็นแพลตฟอร์มฟรี
แต่ละเว็บไซต์ก็จะมีสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์และโดดเด่นแตกต่างกันไป อย่าลืมพิจารณาและศึกษาให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจไปเป็นอาสาสมัครที่ต่างประเทศนะ!! ถือเป็นช่วงเวลาดีๆ ให้เก็บข้อมูล เชื่อว่าเมื่อทั้งโลกกลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติเมื่อไหร่ เมื่อนั้นจะได้ไปใช้ชีวิตที่ประเทศในฝันได้ทันที :)
ที่มา: halftheclothes