MBA หรือ Master of Business Administration ถือเป็นวุฒิการศึกษาที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในด้านการจัดการและด้านบริหารธุรกิจ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการเริ่มต้นประกอบอาชีพให้ประสบความสำเร็จ
และหากใครอยากศึกษาต่อที่ต่างประเทศในด้าน MBA แล้วล่ะก็ การรู้คำศัพท์เบสิกพื้นฐานเพื่อทำความคุ้นเคยนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ วันนี้เราจึงมี 10 คำศัพท์และวลีพร้อมความหมายและตัวอย่างการใช้มาให้เรียนรู้ ก่อนไปเจอในสถานการณ์การเรียนจริงมาให้รับชมกัน : )
#1 24-7 (Twenty-four Seven)
วลีนี้มีความหมายว่า ‘อย่างต่อเนื่อง’ ซึ่ง 24 มาจาก 24 ชั่วโมง และ 7 หมายถึง 7 วันในสัปดาห์นั่นเอง สามารถนำไปใช้ในประโยคได้ดังนี้
– Our lawyers are working 24-7 to crack the case. (ทนายความทำงานหนักอย่างต่อเนื่องเพื่อสืบสวนคดี)
#2 Can of worms
อธิบายถึงสถานการณ์ที่อาจเป็นอันตรายหรือสถานการณ์ยากลำบากที่ควรหลีกเลี่ยง ตัวอย่างเช่น
– Let’s not open that can of worms. (อย่าสร้างปัญหาเลยดีกว่า)
#3 Up to speed
หาความรู้หรือข้อมูลเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่างให้ทันคนอื่นอย่างเต็มที่ เช่น
– You’ll need to get up to speed on the financial situation. (คุณต้องรีบเร่งให้ทันเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเงิน)
#4 Bottom line
หมายถึงบรรทัดสุดท้ายในงบการเงินที่แสดงเกี่ยวกับผลสุทธิว่าได้กำไรหรือขาดทุน เรียกได้ว่ามันคือส่วนที่สำคัญที่สุด ซึ่งในทางธุรกิจมักจะใช้เพื่อแสดงถึงต้นทุนหรือผลกำไร เช่น
– The bottom line is that we need to raise prices. (บรรทัดสุดท้ายแสดงให้เห็นว่าเราควรขึ้นราคา)
#5 Muscle
ในทางธุรกิจมันหมายถึงความแข็งแรงหรือพละกำลัง ตัวอย่างเช่น
– The company’s success is due to their marketing muscle. (ความสำเร็จของบริษัทเกิดจากกลยุทธ์ทางการตลาดที่แข็งแกร่ง)
#6 Brainstorming
สามารถเป็นได้ทั้งคำกริยาหรือคำนาม โดยหมายถึงการระดมสมอง ซึ่งมักใช้ในทางธุรกิจเพื่อแสดงให้เห็นถึงการอภิปรายกลุ่ม ตัวอย่างการใช้ดังนี้
– The team got together to brainstorm the project. (ทั้งทีมได้รวมตัวกันเพื่อระดมสมองสำหรับโปรเจกต์)
#7 Networking
ระบบเครือข่ายหรือความสามารถในการพบปะผู้คนที่อาจจะเป็นประโยชน์ทางด้านธุรกิจ
– To be networked means to know important, useful people. (การสร้างเครือข่ายหมายถึงการทำความรู้จักบุคคลสำคัญและมีประโยชน์)
#8 Give and take
มันหมายถึงการแสดงออกเกี่ยวกับการเจรจาต่อรองและการประนีประนอม โดยแต่ละด้านจะได้ประโยชน์และเสียประโยชน์ที่แตกต่างกัน
#9 No-win
หมายถึงสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีนักและทุกคนอาจแพ้ แต่ในทางกลับกัน win-win คือสถานการณ์ที่ทุกคนจะได้รับผลประโยชน์
– Fair trade is a win-win situation because both producers and consumer benefit. (แฟร์เทรดคือสถานการณ์ที่ทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคได้ประโยชน์)
#10 Push the envelope
หมายถึงการทำสิ่งที่ชาญฉลาด หรือสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ที่คนอื่นยังไม่เคยทำ หรือทำอะไรที่เกินกว่าขีดความสามารถของคุณเอง เช่น
– Our firm won’t survive unless we are pushing the envelope. (บริษัทของเราจะไม่รอดแน่ยกเว้นแต่ว่าเราต้องสร้างไอเดียใหม่ๆ ขึ้นมา)
นอกจากจะนำไปใช้ในการเรียนได้แล้วยังสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันและการทำงานได้อีกด้วย ได้รับประโยชน์คูณสามไปเลย :D
ที่มา: englishlive