หากใครเคยสะดุดตากับแฟชั่นโทนสีดำ มืดๆ ดิบๆ เถื่อนๆ แต่ไม่ถึงขั้นพังก์ แถมยังมีเสน่ห์ดึงดูดใจให้ชวนมอง ไม่แน่ว่าคุณอาจตกหลุมรักสไตล์แฟชั่นแบบกรันจ์ (Grunge) โดยไม่รู้ตัว!
กรันจ์ถือเป็นวัฒนธรรมย่อยที่ฮอตฮิตมากในราวช่วงยุค 80 – 90 มันถูกพัฒนาโดย Gen X อีกทั้งยังมีสไตล์แยกย่อยออกไปมากมาย เช่น soft grunge ที่ได้นำองค์ประกอบของความเป็นกรันจ์มาผสมกับของน่ารักๆ หรือสีพาสเทลช่วยให้เข้าถึงทุกคนได้ง่ายขึ้น มาทำความรู้จักมันให้มากขึ้นกันเถอะ :D
อย่างที่ทราบกันว่าแฟชั่นกรันจ์นั้นถูกพัฒนามาจาก Gen X มันจึงสะท้อนให้เห็นถึงความคับข้องใจจากผลข้างเคียงของเศรษฐกิจที่ขึ้นๆ ลงในยุค 80s
มันอธิบายให้เห็นว่าทำไมกรันจ์ถึงได้รับความนิยมมากขึ้นในประเทศโลกที่หนึ่ง เพราะหลายๆ คนเริ่มเห็นผลกระทบของลัทธิทุนนิยม เริ่มไม่สนับสนุน และปฏิเสธที่จะเชื่อเรื่องชนชั้นทางสังคมอีกต่อไป
พวกเขายังไม่เห็นด้วยกับแนวคิดที่คุณค่าของมนุษย์ถูกกำหนดด้วยเงินและทรัพย์สิน พวกเขาไม่สนับสนุนการที่มนุษย์ถูกใช้งานราวกับเป็นเครื่องจักร เราไม่จำเป็นต้องเสียสละที่ต้องตื่นมาทำงาน 9 โมงเช้า และรอเลิกงาน 5 โมงเย็นในทุกๆ วัน
ด้วยเหตุนี้เอง เพลง แฟชั่น ทีวี และภาพยนตร์ ทุกๆ อย่างในยุคนั้นได้สะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกของคนรุ่นใหม่ ที่ไม่ชื่นชอบสภาพแบบเดิมๆ ที่เป็นอยู่
ทางด้านแฟชั่น สไตล์กรันจ์จึงกลายเป็นลักษณะผมยุ่งๆ ไม่แต่งหน้า ใส่เสื้อเก่าๆ หรือไอเทมวินเทจ ชุดลายดอกไม้คู่กับรองเท้าบูท ก็เป็นหนึ่งในสไตล์ Riot Grrrls ของกรันจ์เช่นกัน
รวมไปถึงเสื้อที่มีสโลแกนเท่ๆ เสื้อวงดนตรีพร้อมภาพวงสไตล์กรันจ์ๆ จับคู่กับกางเกงขาดก็เป็นบรรทัดฐานที่ขึ้นชื่อเลยล่ะ
เรียกได้ว่าวิถีชีวิตของกรันจ์นั้นเกี่ยวกับความเป็นตัวของตัวเอง ปรัชญาของพวกเขาถูกแสดงออกผ่านทางสไตล์ด้วยการหลีกเลี่ยงการแต่งกายที่ดูดีและมากเกินไป ทำลายรูปแบบเดิมๆ ทางสังคม
พวกเขาผสมแฟชั่นสไตล์ใหม่จากสิ่งของย้อนยุคหรือวินเทจ ไม่สนใจแบรนด์ดังที่กำลังเป็นที่นิยม และพยายามหลีกเลี่ยงระบบทุนนิยม
ส่วนหนึ่งของแนวคิดแบบกรันจ์คือการได้ใช้ชีวิตตามที่ต้องการ เราทุกคนควรได้ใช้สมองและความสามารถที่มีได้อย่างอิสระ และแฟชั่นก็ไม่ควรเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตขนาดนั้น
ที่มา: rebelsmarket