ปฏิเสธไม่ได้ว่า ลิปสติกสีแดง นั้นเป็นสีที่สวยและคลาสสิกอยู่เสมอ เป็นสีที่อย่างน้อย สาวๆ จะต้องมีพกไว้ติดกระเป๋ากันตายเลยล่ะ และลิปสติกสีแดงนี้เองก็เป็นสัญลักษณ์หลายสิ่งหลายอย่างให้กับสาวๆ ตั้งแต่อดีตอีกด้วย
เรียกได้ว่ามันเป็นอาวุธทางวัฒนธรรมที่ทรงพลังมาหลายศตวรรษในอดีต ให้ความหมายทั้งด้านดีและไม่ดี ว่าแล้วก็เชิญติดตามประวัติของมันกันได้เลย
ต้นกำเนิดของลิปสติกสีแดงสามารถโยงไปถึงภูมิภาคสุเมเรียนทางตอนใต้ของเมโสโปเตเมียเมื่อประมาณ 3500 ปีก่อนคริสตศักราช
ในอดีต ที่นั่นมีหินหรือพลอยสีแดง ที่ถูกใช้นำมาบดเป็นผงเพื่อทำให้ริมฝีปากแดง จากนั้นมา การทาสีปากในทุกเฉดสีก็ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในอียิปต์โบราณที่คลีโอพัตราเองก็ใช้แมลงบดผสมกันเป็นสีเพื่อนำมาทาปากเช่นกัน
นอกจากนี้สารเติมแต่งอื่นๆ เช่น เกล็ดปลาบด ก็ยิ่งทำให้ลิปสติกมีเฉดสีและพื้นผิวที่หลากหลาย ทั้งนี้บางวัตถุดิบก็เป็นพิษเมื่อนำมาใช้กับผิว จากการทดลองเหล่านี้เองจึงทำให้ได้วัตถุดิบที่เหมาะสมกับผิวและริมฝีปาก
เรียกได้ว่าการใช้ลิปสติกนั้นแสดงให้เห็นถึงสังคมที่เปลื่ยนแปลงไปตลอดเวลา เพราะลิปสติกยังสามารถตีความได้หลายอย่างขึ้นอยู่กับเวลาและสถานที่
ครึ่งหนึ่งลิปสติกคือสัญลักษณ์ของความน่าหลงใหล สถานะทางสังคมชั้นสูง หรือความมั่งคั่ง แต่ในอีกยุคหนึ่งมันกลับหมายถึงความชั่วร้าย ความไร้สาระ หรือความล้มเหลวในศีลธรรม
หากในปัจจุบันลิปสติกก็ได้แสดงให้เห็นถึงความสง่างาม และความมั่นใจ
นอกจากค่านิยมทางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปเกี่ยวกับสิปสติกแล้วนั้น ทางด้านเคมีในการผลิตก็เปลี่ยนไปตามเวลาเช่นกัน ทั้งการใส่น้ำเพิ่ม ใส่ขี้ผึ้งเพิ่ม หรือใส่ปิโตรเลียมในช่วงศตรวรรษที่ 19 – 20
ด้านนักเคมีเองก็ทดลองเพิ่มอายุการใช้งานของลิปสติกให้ยาวนานมากขึ้น มีหลากหลายเฉดสี และเพิ่มประโยชน์ให้ความชุ่มชื้นกับริมฝีปาก
บรรจุภัณฑ์ของลิปสติกก็เป็นอีกประเด็นที่น่าสนใจ ในอียิปต์โบราณลิปสติกจะถูกบรรจุอยู่ในหม้อ แต่ในปัจจุบันก็กลายเป็นขนาดเรียวยาว เล็กกะทัดรัดและง่ายต่อการพกพา โดยแพ็คเกจลิปสติกลักษณะนี้ถูกคิดค้นเป็นครั้งแรกในปี 1923 โดย James Bruce Mason Jr. ที่สหรัฐอเมริกา
หวังว่าผู้อ่านทุกคนจะได้รับประโยชน์จากสาระน่ารู้ในเรื่องใกล้ตัวแบบนี้กันนะ : )
ที่มา: southernliving