การใช้ Google Maps เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ใครหลายๆ คนใช้เพื่อหาเส้นทางที่ไวต่อการถึงที่หมายที่สุด
เนื่องจากใน Google Maps จะมีเส้นสีที่บ่งบอกชัดเจนว่าถนนเส้นไหนรถติด หรือรถไม่ติด โดยสีแดงหมายถึงรถติด และสีเขียวหมายถึงรถไม่ติด
แล้วทราบกันหรือไม่ว่าเส้นสีที่โชว์นั้นเป็นข้อมูลที่วัดจากโทรศัพท์ของผู้ขับขี่รถที่กำลังใช้ Google Maps หาหนทางที่ไวที่สุดไงล่ะ
จากการใช้ Google Maps นี้เองจึงเป็นที่มาของเรื่องราวนี้ขึ้น! เมื่ออยู่มาวันหนึ่ง ถนนที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนีเส้นหนึ่งก็ถูกพบว่าเป็นถนนที่รถติดสุดๆ ทั้งๆ ที่ไม่มีรถสักคัน มันเป็นไปได้ยังไงกัน?!!
นั่นเป็นเพราะว่า Simon Weckert ศิลปินชาวเบอร์ลินได้เช่าสมาร์ทโฟนมาถึง 99 เครื่องเพื่อทำภารกิจนี้โดยเฉพาะ!
เขายังซื้อซิมโทรศัพท์ใส่ในสมาร์ทโฟนอีกด้วย จากนั้นเขาก็กดเข้าใช้งาน Google Maps ให้สมาร์ทโฟนทุกเครื่องด้วยเช่นกัน
หลังจากเตรียมการเรียบร้อยแล้วเขาจึงนำสมาร์ทโฟนทั้งหมดใส่ในรถลาก ก่อนจะเดินลากมันไป-กลับยังถนนเส้นหนึ่ง และผลลัพธ์ที่โชว์บน Google Maps คือถนนเส้นนั้นโชว์เส้นสีแดงเถือกราวกับว่ารถติดสุดๆ!
Simon ได้สร้างโปรเจกต์นี้ตั้งแต่เมื่อปีที่แล้วแต่มันพึ่งถูกเปิดเผยเมื่อไม่นานมานี้ ในฐานะที่ Google Maps มีอายุครบ 15 ปี
โดยเขาต้องการให้ทุกคนตระหนักถึงการทำงานและประสิทธิภาพของ Google Maps เนื่องจากในปัจจุบันผู้คนต่างใช้วิธีนี้กันมากขึ้น
อย่างที่ทราบกันว่า Google Maps ได้ประเมินความหนาแน่นบนท้องถนนด้วยการตรวจจับตำแหน่งของผู้เข้าใช้แอปพลิเคชัน
ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อ Simon มีโทรศัพท์ที่เปิดใช้งาน Google Maps ถึง 99 เครื่องอยู่ในมือจึงทำให้ดูเหมือนจราจรติดขัด
และจากวิธีของ Simon นี้เองก็ทำให้ตัวแทนจาก Google Maps ถึงกับต้องรีบแก้ปัญหาช่องโหว่ตรงนี้อย่างเร่งด่วน
โดยสาเหตุนั้นเป็นเพราะว่า Google Maps สามารถแยกความแตกต่างระหว่างการเคลื่อนไหวของรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ได้ แต่กับรถลากนั้นมันไม่เคยรับรู้มาก่อน
หากอยากรู้ว่า Simon นั้นทำได้อย่างไร สามารถรับชมวิดีโอด้านล่างได้เลย
Google Maps Hacks by Simon Weckert
เป็นไอเดียที่แปลกใหม่และสร้างผลกระทบให้กับวงกว้างได้แบบที่คิดไม่ถึงเลยล่ะ! เชื่อว่าวันนั้นถนนเส้นนั้นคงยิ่งโล่งกว่าเดิมเพราะผู้คนต่างหลีกหนีเส้นทางรถติดแน่ๆ
ที่มา: simonweckert & boredpanda