ในปัจจุบันมีโรคมากมายที่มีศักยภาพที่จะคร่าชีวิตมนุษย์ได้ ทั้งนี้ วิวัฒนาการทางการแพทย์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็สามารถรักษาชีวิตเรามาได้นับไม่ถ้วน
แต่ถึงอย่างนั้นทุกอย่างก็มีขอบเขตที่จำกัด การรู้ตัวว่าเป็นโรคอะไรตั้งแต่เนิ่นๆ และได้รับการรักษาให้ทันกาลนั้นย่อมดีกว่า ด้วยเหตุนี้เองการรู้จักโรคที่อันตรายและสามารถทำให้เราหยุดหายใจได้ภายใน 1 วันนั้นอาจทำให้เกิดการป้องกันได้ทันท่วงที จะมีโรคอะไรบ้างนั้นไปติดตามกันได้เลย!
#1 ไข้กาฬหลังแอ่น (Meningococcal Disease)
คือกลุ่มของโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นโรคที่หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสมจะมีอัตราการเสียชีวิตสูงมาก แม้เชื้อนี้จะเป็นสาเหตุของโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบได้บ่อย แต่การติดเชื้อนี้เข้าสู่กระแสเลือดจะเป็นภาวะที่มีอันตรายกว่ามาก อีกทั้งยังเป็นสาเหตุของการเจ็บป่วย พิการ และเสียชีวิต
#2 โรคแบคทีเรียกินเนื้อคน (Flesh Eating Bug)
เป็นการติดเชื้อแบคทีเรียที่เนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง ได้แก่ ไขมันใต้ผิวหนัง พังผืด และกล้ามเนื้อ โรคแบคทีเรียกินเนื้อคนนั้นพบไม่บ่อย แต่มีความรุนแรงมากซึ่งอันตรายถึงกับชีวิตหากรักษาไม่ทัน โดยเชื้อจะทำลายเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง กล้ามเนื้อ เส้นประสาท จนอาจทำให้สูญเสียแขนขาหรือชีวิตได้
#3 โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
เป็นการหยุดการทำงานของสมองอย่างฉับพลันโดยมีสาเหตุจากการรบกวนหลอดเลือดที่เลี้ยงสมอง ผลจากภาวะดังกล่าวทำให้สมองส่วนที่ขาดเลือดหรือตกเลือดทำงานไม่ได้ และอาจส่งผลทำให้ตาบอดครึ่งซีก หรืออัมพาตครึ่งซีก ไม่สามารถที่จะทำความเข้าใจหรือพูดได้ ถ้ามีความรุนแรงมากอาจทำให้ถึงตายได้
#4 อหิวาตกโรค (Cholera)
หรือโรคห่า คือโรคระบาดชนิดหนึ่งที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่ลำไส้เล็ก ผู้ป่วยจะมีอาการท้องร่วงเป็นน้ำและอาเจียนเป็นหลัก ความรุนแรงของอาการท้องร่วงและอาเจียนสามารถนำไปสู่ภาวะขาดน้ำและเสียสมดุลเกลือแร่อย่างรวดเร็ว จนกระทั่งเสียชีวิตในบางราย
#5 กาฬโรค (Bubonic Plague)
กาฬโรคเป็นโรคที่อยู่ในสัตว์ฟันแทะและหมัดเป็นตัวแพร่สู่มนุษย์ โรคดังกล่าวรู้จักกันดีในหน้าประวัติศาสตร์ เนื่องจากขอบเขตการเสียชีวิตและการทำลายล้างที่โรคอื่นเทียบไม่ได้ กาฬโรคเป็นโรคระบาดหนึ่งในสามโรคที่ต้องรายงานต่อองค์การอนามัยโลกและยังระบาดอยู่ในบางส่วนของโลก ทั้งนี้กาฬโรคสามารถรักษาได้หากตรวจพบได้ทันเวลา
#6 โรคไวรัสอีโบลา (Ebola)
โรคของมนุษย์ที่เกิดจากไวรัสอีโบลา โดยผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการสองวันถึงสามสัปดาห์หลังสัมผัสไวรัส อาการคือมีไข้ เจ็บคอ ปวดกล้ามเนื้อและปวดศีรษะ จากนั้นมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนและท้องร่วงร่วมกับการทำหน้าที่ของตับและไตลดลงตามมา
#7 โรคไข้เลือดออก (Dengue Fever)
หรือโรคไข้เด็งกี เป็นโรคติดเชื้อซึ่งระบาดในเขตร้อน เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเด็งกี ผู้ป่วยจะมีอาการไข้ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ และมีผื่นลักษณะเฉพาะซึ่งคล้ายกับผื่นของโรคหัด ผู้ป่วยส่วนหนึ่งจะมีอาการรุนแรงและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
โรคในปัจจุบันก็มีอะไรแปลกใหม่ เกิดวิวัฒนาการใหม่ๆ อยู่เสมอ อย่าลืมรักษาสุขภาพตัวเองให้ดี หลีกเลี่ยงสถานที่ที่เสี่ยงจะติดเชื้อ และพักผ่อนให้เพียงพอ ขอให้ทุกคนปลอดภัยจากเชื้อไวรัสเหล่านี้ด้วยล่ะ ^^’
ที่มา: meningitis