เคยรู้สึกไหมว่าทุกเช้าที่ตื่นนอนมามันไม่สดชื่นอย่างที่ควรจะเป็น หรือแม้กระทั่งช่วงที่ไม่ได้เครียดอะไรมากมายแต่กลับนอนกระสับกระส่าย ตื่นกลางดึก และไม่สามารถนอนได้ง่ายๆ อย่างที่เคยเป็น?
อาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นจากสาเหตุพฤติกรรมในชีวิตประจำวันของคนยุคใหม่ ที่ทุกวันนี้แม้จะมีตัวช่วยในเรื่องความสะดวกสบายหลายอย่าง แต่ความเคยชินกลับส่งผลให้คุณภาพการนอนลดลง
ลองมาดูตัวอย่างนิสัยที่ควรหลีกเลี่ยงเหล่านี้ เพราะมันอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คุณเกิดอาการนอนไม่หลับได้อย่างง่ายดาย
1. เล่นโทรศัพท์ก่อนนอน
ก่อนจะนอนถือเป็นช่วงเวลาที่สมองควรพักผ่อนเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการหลับสนิท การเล่นโทรศัพท์รวมไปถึงการดูทีวีนอกจากจะกระตุ้นให้สมองตื่นตัวแล้ว แสงสีฟ้าที่ปล่อยออกมายังยับยั้งการสร้างเมลาโทนินซึ่งส่งผลให้คุณนอนหลับสนิทได้ยากขึ้นด้วย
ข้อแนะนำก็คือ เปลี่ยนจากการเล่นอุปกรณ์เหล่านั้นเป็นการอาบน้ำเพื่อผ่อนคลายหรือจุดเทียนหอมเพื่อสร้างความสุนทรีย์ให้กับจิตใจ
2. นอนไม่เป็นเวลา
ทุกๆ วันร่างกายของเราทำงานตามนาฬิกาชีวิต การนอนแบบไม่มีเวลากำหนดที่แน่นอนแม้เพียงครั้งเดียวก็สามารถส่งผลกระทบต่อการนอนหลับในช่วงเวลากลางคืนของคุณได้
ข้อแนะนำคือ ควรปรับเปลี่ยนและกำหนดเวลาเข้านอนแบบเป็นกิจลักษณะโดยอิงตามความสะดวกในชีวิตประจำวันมากที่สุดเพื่อให้ร่างกายจดจำ แต่หากมีเหตุให้ต้องตื่นเช้าหรือนอนดึกกว่าปกติ ลองงีบระหว่างวันแล้วเข้านอนตามเวลาปกติ
3. จัดหนักกับมื้อดึกก่อนเข้านอน
มีงานวิจัยหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่าการกินมื้อดึกทำให้เกิดอาการกรดไหลย้อนและอาหารไม่ย่อย ทั้งยังส่งผลต่อการนอนหลับ โรคอ้วน และความผิดปกติของร่างกายในส่วนอื่นๆ อีกด้วย
ข้อแนะนำก็คือ ควรหลีกเลี่ยงการกินอาหารมื้อใหญ่อย่างน้อย 3 ชั่วโมงก่อนเข้านอนและงดของหวานในตอนเย็น
4. ดื่มกาแฟตามใจไม่มีการจำกัดแก้ว
คาเฟอีนในกาแฟมีฤทธิ์กระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัวเสมอ รวมถึงชา ช็อกโกแลต และเครื่องดื่มให้พลังงานอื่นๆ ซึ่งสารนี้จะส่งผลต่อการนอนหลับของคุณทำให้ไม่สามารถนอนได้อย่างสนิท
ข้อแนะนำคือ ควรจำกัดการดื่ม ยิ่งน้อยเท่าไหร่ยิ่งดี และเปลี่ยนจากการดื่มช่วงบ่ายหรือเย็นมาเป็นช่วงเช้าแทนเพื่อให้ร่างกายมีเวลาได้ปรับตัว
5. การเลื่อนนาฬิกาปลุก
เมื่อคุณตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้และเลื่อนมันออกไปไม่ได้ทำให้ร่างกายนอนหลับได้สนิทมากขึ้น ในทางตรงกันข้ามมันยังไปเพิ่มฮอร์โมนที่ชื่อว่าคอร์ติซอลซึ่จะส่งผลต่อความเครียดในร่างกาย
ข้อแนะนำคือ คุณควรเข้านอนให้เป็นเวลาเพื่อให้ร่างกายจดจำเวลาตื่นเองได้โดยไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุก และไม่ควรเลื่อนปลุกออกไปเพื่อให้ตื่นขึ้นมาได้อย่างสดชื่น
6. กินอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ
จากการศึกษาพบว่าการไม่ได้รับวิตามิน A, B1, D, แมกนีเซียม, แคลเซียมและสังกะสีที่เพียงพอจะส่งผลต่อการนอนหลับของมนุษย์ ดังนั้นสำหรับคนที่รู้สึกว่านอนไม่ค่อยเต็มอิ่มอาจเกิดจากอาหารที่คุณรับประทานเข้าไปก็เป็นได้
ข้อแนะนำก็คือ แทนที่จะกินแต่ผักและผลไม้เพียงอย่างเดียวลองเสริมด้วยธัญพืชและหลีกเลี่ยงอาหารที่มีปริมาณน้ำตาลสูง
7. ไม่ค่อยออกกำลังกาย
แม้ว่าจะยังมีการศึกษาที่ไม่มากนักเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างการออกกำลังกายและการนอนหลับ แต่โดยรวมแล้วผู้ใหญ่ที่ออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง 24 สัปดาห์มักมีการนอนหลับที่ดีขึ้นตั้งแต่เริ่มออกกำลังกาย ดังนั้น จึงอาจอนุมานได้ว่าการออกกำลังกายมีผลต่อการนอนหลับด้วยเช่นกัน
ข้อแนะนำก็คือ สำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาว่างพอจะออกกำลังกายเเบบเป็นกิจลักษณะ สามารถใช้การเดินนาน 30 นาทีหรือการปั่นจักรยานไปทำงานแทนการใช้รถ ก็จะสามารถออกกำลังกายไปพร้อมกับการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมได้
8. การนอนในห้องรกๆ
ห้องนอนเป็นส่วนสำคัญห้องหนึ่งในชีวิต มีการศึกษาว่าผู้ที่อยู่ในห้องที่รกสามารถสร้างความเครียดได้มากกว่าผู้ที่อยู่ในห้องที่เป็นระเบียบ
ข้อแนะนำคือ สำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาเก็บกวาดเป็นประจำ แนะนำให้จัดห้องให้โล่งที่สุดและให้สะอาดที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ทั้งนี้เพื่อสุขภาพโดยรวมด้วยไม่ใช่เพียงแค่การนอนหลับเท่านั้น
9. การเข้านอนทั้งๆ ที่ผมเปียก
มีการทดลองว่าการเข้านอนทั้งๆ ที่ผมยังเปียกอยู่นั้นส่งผลต่อการนอนจริงหรือไม่ การทดลองนี้พบว่าผมที่เปียกจะกระตุ้นให้ต่อมไซนัสเกิดความเย็นและมีการหลั่งเมือกเช่นเดียวกับตอนที่เป็นหวัด หากมีการสะสมเมือกนี้ในระยะยาวจะส่งผลให้เกิดการติดเชื้อ
ข้อแนะนำคือ เพื่อสุขอนามัยที่ดีควรเป่าผมให้แห้งก่อนเข้านอนนะจ๊ะ
สิ่งเหล่านี้ดูเผินๆ อาจเป็นลักษณะนิสัยที่ไม่ว่าใครต่างก็สามารถทำได้ในยุคนี้เนื่องจากความรีบร้อนในสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวัน แต่เพื่อสุขภาพที่ดี อันไหนปรับเปลี่ยนได้ก็ปรับเปลี่ยนดีกว่าเนอะ ใครนอนไม่ค่อยหลับหรือหลับไม่สนิทลองปรับพฤติกรรมเหล่านี้ดูนะจ๊ะ ไม่แน่ว่าคุณอาจพบผลลัพธ์ที่ทำให้รู้สึกประทับใจก็ได้ :)
ที่มา: brightside