ปัจจุบันเมื่อการเดินทางเป็นเรื่องที่ง่ายและมีค่าใช้จ่ายที่น้อยลงกว่าสมัยก่อน จึงเป็นหนึ่งในช่องทางแห่งโอกาสที่ผู้คนจะได้ออกแสวงหาชีวิตใหม่
อย่างไรก็ตามในอีกแง่หนึ่ง การเข้าถึงการเดินทางข้ามดินแดนได้อย่างง่ายดายขึ้นนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งจุดอ่อนที่ทำให้เกิดการลักลอบเข้าเมือง รวมถึงการก่อการร้ายที่ง่ายดายตามมาด้วย
ตามการรายงานของสำนักข่าว WASHINGTON กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาได้ประกาศนโยบายใหม่ ให้ทุกคนที่ต้องการยื่นขอวีซ่าเข้าประเทศต้องแสดงรายละเอียดข้อมูลบัญชีโซเชียลมีเดีย เช่น อีเมล เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม หรือหมายเลขโทรศัพท์ เพื่อใช้ยืนยันตัวตนและเป็นการคัดกรองผู้ที่เข้ามาในประเทศ
มาตรการใหม่นี้ยังไม่มีการระบุว่าจะเริ่มใช้เมื่อใด หลังจากได้รับการอนุมัติแบบฟอร์มการสมัครใหม่ ทางองค์กรอธิบายว่าได้มีการปรับปรุงแบบฟอร์มการขอวีซ่าเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการการรักษาความปลอดภัยในครั้งนี้ ซึ่งน่าจส่งผลกระทบพอสมควรกับผู้สมัครที่ยื่นขอวีซ่าเข้าประเทศ ปีละกว่า 15 ล้านคน
แบบฟอร์มใหม่ที่คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในอีกไม่นาน จะมีช่องให้ผู้สมัครทุกคนสำหรับวีซ่าอพยพและวีซ่าชั่วคราวต้องแสดงรายการช่องทางโซเชียลมีเดียที่ใช้ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
ประวัติการใช้สื่อออนไลน์ทั้งในอดีตและปัจจุบันจะถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันปัญหาผู้ก่อการร้ายแอบลักลอบเข้าประเทศ ทั้งยังเป็นการรวบรวมข้อมูลของผู้สมัครให้เพิ่มมากขึ้น
นอกเหนือจากประวัติบนโซเชียลมีเดียแล้ว ผู้สมัครวีซ่าจะถูกขอหมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่ อีเมล สถานะการเดินทางระหว่างประเทศและการถูกส่งกลับภายในระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา รวมถึงข้อมูลของสมาชิกในครอบครัวที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมการก่อการร้ายหรือไม่
ข้อกำหนดนี้ จะบังคับใช้กับผู้ขอวีซ่าทุกคน ยกผู้สมัครสำหรับวีซ่าทูตและวีซ่าบางประเภทเท่านั้น นั่นหมายความว่า หลังจากนี้การเดินทางเข้าสู่ประเทศสหรัฐอเมริกาจะเข้มงวดมากขึ้น และอาจทำให้หลายคนต้องระวังการใช้สื่อออนไลน์เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ
ที่มา: news.yahoo