หลายครั้งที่ในการรับสมัครงาน เราจะเห็นข้อความที่ระบุว่า “ห้ามมีรอยสัก” อยู่ในเงื่อนไขคุณสมบัติของผู้สมัคร ไม่ว่าจะเป็นงานราชการหรือแม้แต่ในงานสายธุรกิจการบิน
“รอยสัก” สำหรับบางคนคือการแสดงตัวตน บางคนคืองานศิลปะบนเรือนร่าง ในขณะที่อีกหลายคนอาจมองว่าเป็นสิ่งที่ลดทอนความน่าเชื่อถือ ทว่า ในนิวซีเเลนด์ รอยสักนั้นมีความหมายลึกซึ้งกว่าที่หลายคนเคยรู้เพราะมันได้แสดงถึงตัวตนของผู้ที่สืบเชื้อสายมาจาก “ชนเผ่าเมารี”
รอยสักที่เรียกว่า moko นั้น คือหนึ่งในสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมและสายตระกูลของชนเผ่า ตามสถิติ ชาวนิวซีแลนด์กว่า 1 ใน 5 มีรอยสักนี้ และในเยาวชนที่มีอายุน้อยกว่า 30 ปี กว่าอีก 35%
นั่นทำให้เมื่อไม่นานมานี้ สายการบิน Air New Zealand ได้ประกาศนโยบายใหม่ ยกเลิกคำสั่งห้ามพนักงานมีรอยสักนอกร่มผ้า “ตราบเท่าที่เหมาะสมและไม่รุนแรง” กล่าวคือ อนุญาตให้พนักงานสามารถแสดงรอยสักเหล่านี้ได้ในขณะที่ทำงานภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด
โดยนโยบายนี้จะเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2019 เป็นต้นไป นอกจากนี้ ทางสายการบินยังได้กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ในปัจจุบัน รอยสักได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการแสดงออกของตัวตนที่ได้รับการยอมรับมากยิ่งขึ้นด้วย
Christopher Luxon ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Air New Zealand กล่าวว่า ก่อนจะเผยนโยบายนี้เขาได้ทำการศึกษาและวิจัยกับกลุ่มลูกค้า รวมถึงพนักงานในบริษัทเป็นเวลากว่า 5 เดือน จนกระทั่งตัดสินใจว่าพวกเขาต้องการที่จะสนับสนุนความหลากหลายทางสังคม โดยเริ่มจากรอยสักที่เป็นเหมือนหนึ่งในมรดกทางวัฒนธรรมของชาวนิวซีแลนด์
พวกเขายังเผยด้วยว่า การประเมินว่ารอยสักใดเหมาะสมหรือไม่จะใช้เกณฑ์ว่ารอยสักเหล่านั้นสอดคล้องกับนโยบายที่ตั้งไว้เพียงใด ทั้งนี้ รอยสักที่แสดงออกถึงความหยาบคาย เกลียดชัง ลามก หรือตลกร้าย น่าจะผิดจุดประสงค์ของนโยบายนี้ และอาจต้องพิจารณากันให้ถี่ถ้วน
สื่อท้องถิ่นในนิวซีแลนด์รายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า นโยบายใหม่เกิดขึ้นหลังผู้มีชื่อเสียงถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าทำงานในสายการบิน รวมถึงได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์มากมายเกี่ยวกับกระบวนการทำงานที่ดูไม่น่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้น่าจะนำไปสู่การยอมรับความแตกต่างที่หลากหลายได้ในอนาคต