แม้พระอาทิตย์จะส่องแสงเจิดจ้าและสาดความร้อนใส่เรามากแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าในทุกช่วงจังหวะของการดำเนินชีวิต เราต่างต้องการแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ทั้งสิ้น
ทว่ากลับไม่ใช่ทุกเมืองในโลกที่ได้รับแสงจากพระอาทิตย์อย่างเพียงพอ เช่นที่เมือง Rjukan ในประเทศนอร์เวย์ หนึ่งในสถานที่ที่ผู้คนต้องอยู่กับความทึมทึบ และอาศัยกระจกเพื่อสร้างแสงสว่าง
Rjukan ได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่มืดที่สุดในโลก โดยตั้งอยู่ห่างจากตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองออสโลไปประมาณ 3 ชั่วโมง มีประชากรอาศัยอยู่ราวๆ 3,386 คน
เมืองนี้ไม่มีแสงแดดส่องกระทบโดยตรงมาตั้งแต่เดือนกันยายนจนถึงเดือนมีนาคม เนื่องจากภูมิประเทศล้อมรอบไปด้วยภูเขา จึงทำเมืองเหมือนกลายเป็นภาพขาวดำ
เพื่อให้ชาวบ้านได้สัมผัสถึงแสงสว่างบ้าง ทางเมืองจึงทำการติดตั้งกระจกมูลค่า 5 ล้านโครนนอร์เวย์ หรือราวๆ 18 ล้านบาท
กระจกพลังงานแสงอาทิตย์เหล่านี้ตั้งอยู่เหนือเมือง 450 เมตร เพื่อติดตามการเคลื่อนตัวของดวงอาทิตย์ทั่วเมือง
และผลลัพธ์ที่ได้ก็คุ้มค่า เพราะมีแสงแดดส่องลงมายังจัตุรัสกลางเมืองอย่างทั่วถึง
แม้ว่าชาวบ้านในเมือง Rjukan ต่างคุ้นเคยกับชีวิตที่ไร้แสงสว่างมาหลายชั่วอายุ แต่การมีกระจกพลังงานแสงอาทิตย์เกิดขึ้นทำให้พวกเขาไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามันช่างอบอุ่น ดีทั้งต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจ
แน่นอนว่าแนวคิดนี้ย่อมมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมา เช่นในเรื่องของการเสียงบประมาณจำนวนมากเพื่อแลกกับแสงอาทิตย์เพียงเล็กน้อย แต่ทว่าแนวคิดนี้กลับสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนในเมืองได้มากขึ้น
แนวคิดเรื่องกระจกพระอาทิตย์ได้รับการนำเสนอครั้งแรกโดยผู้ก่อตั้งเมือง Mr. Sam Eyde เมื่อปี 1913 ซึ่งเขาตระหนักดีถึงความสำคัญของดวงอาทิตย์ และพยายามจะสร้างกระจกพระอาทิตย์ขึ้นมา แต่น่าเสียดายที่โชคก็ไม่เข้าข้างเขา
ต่อมาในปี 2005 แนวคิดถูกนำมาเป็นประเด็นอีกครั้งโดย Martin Andersen ศิลปินและผู้อาศัยอยู่ในเมืองนี้ จนกระทั่งในปี 2013 กระจกก็ได้รับการติดตั้งในเมืองอย่างเป็นทางการ ซึ่งนับเป็นเวลากว่า 100 ปีหลังจากที่มีแนวคิดนี้เกิดขึ้น
ที่มา: boredpanda