เคยสงสัยไหมว่าจะเป็นอย่างไรหากเราจ้องตากับอีกฝ่ายเป็นเวลานานถึง 10 นาที
ข้อสงสัยนี้ได้รับการอธิบายโดยนักจิตวิทยาชาวอิตาลี Dr. Giovanni Caputo ซึ่งทำการศึกษาที่ University of Urbino เพื่อค้นหาคำตอบว่าจะเกิดอะไรขึ้นภายในสมองของมนุษย์เมื่อคน 2 คนจ้องตากันเป็นเวลานานพอสมควร
Dr. Caputo และทีมงานทำการคัดเลือกผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพดีจำนวน 40 คน จากนั้นแบ่งผู้เข้าร่วมการทดลองออกเป็น 2 กลุ่ม ให้ 20 คนจับคู่กันและพาไปอยู่ในห้องที่มีแสงสลัว จากนั้นให้พวกเขาจ้องตากันโดยปราศจากความรู้สึกเป็นเวลาประมาณ 10 นาที ส่วนผู้เข้ารับการทดลองอีก 20 คนที่เหลือได้รับโจทย์ให้จ้องมองไปยังกำแพงอันว่างเปล่า
หลังเสร็จสิ้นการจ้องมอง ผู้เข้าร่วมการทดลองแต่ละคนจะต้องกรอกแบบสอบถามเพื่อรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขา ผลปรากฎว่าคนที่มองเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายเป็นระยะเวลานาน จะมีอาการ Dissociation เช่น ความรู้สึกของการปลีกตัวเองออกจากร่างกาย ขาดการเชื่อมต่อกับความเป็นจริง การเปลี่ยนแปลงในการรับรู้เสียงและสี
แต่สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือพวกเขามีอาการประสาทหลอน โดย 90% ของผู้เข้าร่วมการทดลองรายงานว่า เห็นการเปลี่ยนแปลงใบหน้าของบุคคลอื่น หรือเกิดการบิดเบี้ยว 2 – 4 ครั้งในช่วงระยะเวลา 10 นาที
บางคนเห็นเป็นสัตว์ประหลาดหรือหน้าสัตว์ก็มี บางคนเห็นว่ามันเปลี่ยนไปเป็นใบหน้าของเพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัว หรือแม้แต่เห็นเป็นหน้าของตัวเอง
Dr. Caputo ไม่มีคำตอบที่ชัดเจนว่าเหตุใดจึงเกิดภาพหลอนขึ้น แต่สันนิษฐานว่าอาจเป็นเพราะการกีดกันทางประสาทสัมผัส หรือการหยุดใช้ประสาทสัมผัสอื่นชั่วคราว Dr. Caputo ยังเชื่ออีกว่าอาจเป็นผลิตผลจากสมองของเราซึ่งหล่อหลอมจิตใต้สำนึกจนนำไปสู่ใบหน้าของคนอื่น
ผลการวิจัยครั้งนี้ตรงกับการศึกษาก่อนหน้าที่เปิดเผยว่า เมื่อเรามองวัตถุหนึ่งเป็นระยะเวลานานเรามักจะรู้สึกขาดการเชื่อมต่อกับโลกความเป็นจริง
ที่มา: brightside