หลายคนคงเคยเห็นภาพถ่ายชีวิตของผู้คนในเกาหลีเหนือมาบ้างแล้ว ซึ่งก็มีทั้งภาพจริงและภาพที่ถูกจัดฉากขึ้น จึงทำให้สื่อจากภายนอกพยายามรายงานชีวิตที่หวาดกลัว และอยู่อย่างยากลำบากของชาวเกาหลีเหนือ
ทว่า วันนี้เราไม่ได้นำเสนอชีวิตของผู้คนในเกาหลีเหนือ แต่จะพาไปชมภาพถ่ายด้านในของ Masikryong Ski Resort ซึ่งเป็น 1 ใน 2 สกีรีสอร์ทของประเทศ สนนราคาตั๋ว Lift ticket อยู่ที่ $40 หรือราวๆ 1,200 บาท แน่นอนว่าประชากรส่วนใหญ่ไม่สามารถจ่ายค่าธรรมเนียมแรกเข้านี้ได้
ที่เกาหลีเหนือมีสกีรีสอร์ทสองแห่ง แห่งแรกคือ Masikryong Ski Resort ซึ่งเปิดตัวในวันที่ 31 ธันวาคม 2013 แห่งที่สองคือ Kanggye Ski Resort เปิดตัวในเดือนมกราคม 2018 โดยใช้เวลาสร้างเพียงไม่กี่เดือน
ทุกอย่างใน Masikryong Ski Resort สร้างโดยทหาร ใช้เวลาทั้งหมด 10 เดือน ซึ่งทางรัฐบาลแจ้งว่าค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างอยู่ที่ 300 ล้านดอลลาร์ หรือราวๆ 9.5 พันล้านบาท แต่หลายคนประเมินราคาไว้ที่ 30 ล้านดอลลาร์ หรือ 900 ล้านบาท จึงทำให้ที่มาของงบประมาณเป็นเรื่องที่ไม่ชัดเจน
รีสอร์ทแห่งนี้มีเนินเขาด้วยกัน 9 แห่ง มีลานสเก็ตน้ำแข็ง โรงเรียนสอนสกี ตลอดจนสวนสนุกฤดูหนาวสำหรับเด็ก
นอกจากนี้ ยังมีโรงแรมที่ประกอบด้วยห้องพักจำนวน 120 ห้อง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างสระว่ายน้ำ ห้องคาราโอเกะ และห้องซาวน่า
คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ไม่อนุญาตให้เกาหลีเหนือนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือย ซึ่งรวมถึงอุปกรณ์สำหรับสกี แต่ที่ Masikryong นำเข้ามาโดยใช้ช่องโหว่ของกฎหมาย
เมื่อปี 2018 เกาหลีใต้ได้ส่งกลุ่มนักกีฬาไปเก็บตัวที่รีสอร์ท Masikryong เพื่อเข้าร่วมโครงการฝึกอบรมก่อนการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่พย็องชัง
ที่รีสอร์ทแห่งนี้มีสกุลเงินต่างๆ ให้ใช้มากมาย เช่น ดอลลาร์สหรัฐ เหรินหมินปี้ เยน วอนเกาหลีเหนือ และยูโร
ค่าธรรมเนียมแรกเข้าคือ $40 (ประมาณ 1,200 บาท) ซึ่งไม่ใช่ราคาถูกๆ สำหรับชาวบ้าน
สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติค่าธรรมเนียมต่อวันอยู่ที่ $100 (ประมาณ 3,000 บาท)
นักถ่ายทำภาพยนตร์สองคนเคยเดินทางไปรีสอร์ทในปี 2017 และจดบันทึกความว่างเปล่าของที่นี่ไว้ว่า “ไม่มีใครลงมาจากเนินเขาใหญ่เลย” Jamie Barrow นักสโนว์บอร์ดชาวอังกฤษกล่าวในสารคดี
ในภาพคือนักสกีชาวเกาหลีเหนือในขณะที่นั่งกระเช้าไปยังยอดเขา Taehwa Peak ณ ความสูง 1,360 เมตร เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2019
สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น ภายใน Masikryong Ski Resort อาจจะไม่เป็นอย่างที่เล่ามา หากอยากรู้ความจริงก็คงต้องไปค้นหาด้วยตัวเอง
ที่มา: thisisinsider