Russell Group คืออะไร? เจ๋งแค่ไหน? มี U ไหนอยู่กันบ้าง?
หากพูดถึงการเรียนต่อมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักร เชื่อว่าน้องๆ หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า Russell Group กันมาบ้าง บางคนอาจจะแค่คุ้นหูแต่ไม่รู้ว่าคืออะไร หรืออาจจะไม่เคยได้ยินหรือรู้จักกันมาเลย ไม่เป็นไรค่ะ วันนี้เราจะไม่เอ๊าท์อีกต่อไป มาทำความรู้จักกับ Russell Group กันดีกว่า
พบกับมหาวิทยาลัยในกลุ่ม Russell Group ได้ที่งาน UK Universities Interview Day by Hands On
Russell Group คือการรวมตัวกันของมหาวิทยาลัย 24 แห่ง ที่มีชื่อเสียงด้านคุณภาพของงานวิจัย มีคุณภาพการสอนอยู่ในระดับสูง หรือเรียกได้ว่าเป็นงานวิจัยแบบผูกโบว์แดงนำมาเลยค่ะ มีเครือข่ายที่แข็งแกร่งกับทั้งภาคธุรกิจและภาครัฐ โดยหากมหาวิทยาลัยใดที่ได้เข้าร่วมใน Russell Group แล้ว ถือได้ว่าเป็นสถาบันที่ให้การศึกษาคุณภาพสูงเสมือน Ivy League ของอเมริกาเลยทีเดียว
วัตถุประสงค์หลักของ Russell Group คือ กำหนดหลักเกณฑ์ของมหาวิทยาลัยเพื่อลดภาระให้กับรัฐบาล, กำหนดขอบเขตรายได้ของมหาวิทยาลัยที่สังกัดใน Russell Group, ดึงดูดบุคลากรและนักเรียนที่มีคุณภาพให้เข้ามาอยู่ในมหาวิทยาลัยในสังกัด และสุดท้ายคือ เพื่อเป็นแกนนำในการจัดทำงานวิจัยต่างๆ ใน UK ค่ะ
แต่วันนี้เราจะมาทำความรู้จักแบบเจาะลึกกับ 3 ใน 24 มหาวิทยาลัยใน Russell Group กันค่ะ พบกับมหาวิทยาลัยในกลุ่ม Russell Group ได้ที่งาน UK Universities Interview Day by Hands On
1. มาเริ่มกันที่มหาวิทยาลัยแรก คือ University of Sheffield
เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับโลก ตั้งอยู่บริเวณตอนเหนือของประเทศอังกฤษ ใครที่ชอบอยู่เมืองใหญ่ๆ แต่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติ จะต้องถูกใจเมืองนี้กันไม่น้อย เพราะถือเป็นเมืองใหญ่อันดับ 5 ของประเทศอังกฤษ เป็นเมืองสีเขียวโดยมีพื้นที่ป่า 150 แห่ง และ สวนสาธารณะกว่า 50 แห่ง มีสวนฤดูหนาวใหญ่ที่สุดในยุโรป และอุทยานแห่งชาติ Peak District ซึ่งอยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยเพียง 10 นาที นอกจากนี้จากสถิติของรัฐบาล เมือง Sheffield เป็นหนึ่งในเมืองที่ปลอดภัยที่สุดของประเทศอังกฤษอีกด้วย
นักศึกษาจาก University of Sheffield ได้รับรางวัลโนเบลถึง 5 รางวัล และ Queen’s Anniversary Prizes อีก 6 รางวัล ปัจจุบันเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำทางด้าน engineering, smart material และ stem cell technology เนื่องด้วยมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงและมีหลักสูตรที่เข้มข้นทางด้าน engineering ทำให้บริษัทชั้นนำรายใหญ่หลายแห่งได้เข้าร่วมลงทุนกับมหาวิทยาลัยและเป็นพันธมิตรที่แน่นแฟ้นต่อกัน เช่น Boeing, Roll-Royce และ The Welcome Trust
อีกทั้งยังมีความเชื่อมโยงกันในหลาย ๆ หลักสูตรการเรียนและภาควิชาต่าง ๆ นอกจากนี้ยังได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในท็อป 10% ของมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักร มีงานวิจัยถึง 33% ที่ได้รับการยกย่องว่ามีเป็นงานวิจัยชั้นนำระดับโลก และ 52% ได้รับการยกย่องว่ามีความยอดเยี่ยมระดับนานาชาติอีกด้วย สนใจพูดคุยกับตัวแทนมหาวิทยาลัย Sheffield ลงทะเบียนเข้างานได้ ที่นี่
2. มาต่อกันกับ University of Birmingham
เป็นมหาวิทยาลัยที่เปิดมาแล้วประมาณ 100 กว่าปี เป็นที่ยกย่องว่าเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุด ตั้งอยู่ใจกลางเมืองและไม่ไกลจากแหล่งรวมศูนย์การค้าเช่น ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร คอฟฟี่ช็อป โบสถ์ ห้องสมุด ผับ บาร์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการเดินทางที่สะดวกสบาย นักศึกษาที่มาศึกษาต่อที่นี่ไม่จำเป็นต้องมีรถ ก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ที่นี้ได้อย่างสบาย เพราะศูนย์การค้าในละแวกนี้สามารถเดินเชื่อมถึงกันได้ทุกๆ ร้าน ที่สำคัญไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยและการดำรงชีวิตเลย เพราะว่าที่นี้มีหน่วยงาน ที่จะคอยดูแลนักศึกษาต่างชาติพร้อมทั้งมีบริการให้คำปรึกษากับนักศึกษาต่างชาติ ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรสามารถปรึกษาได้ทั้งนั้น เช่น ปัญหาเรื่องเรียน ปัญหาเรื่องการดำรงชีวิต เป็นต้น
มหาวิทยาลัยแห่งนี้ถูกจัดให้อยู่อันดับ 5 ของมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรด้านงานวิจัย มีหลักสูตรให้เลือกเรียนมากกว่า 300 หลักสูตร การเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยเบอมิ่งแฮมมีหลักสูตรที่ทันสมัย รวมไปถึงนักศึกษาของที่นี้เป็นที่ยอมรับของบริษัทหรือองค์กรธุรกิจชั้นนำมากมาย ทำให้นักศึกษาของที่นี้สามารถไปฝึกงานระหว่างเรียนอยู่ได้ด้วยเพื่อเพิ่มทักษะของอาชีพ ทำการเรียนการสอนจาก 2 วิทยาเขตคือที่วิทยาเขต Edgbaston และวิทยาเขต Selly Oak ภาควิชาด้านวิชาการครอบคลุมวิชาต่าง ๆ อย่างกว้างขวางโดยแบ่งออกเป็น 8 สาขาวิชา คือ สาขาศิลปะ ภาษา วรรณคดีและประวัติศาสตร์ ธุรกิจ การศึกษา วิศวกรรมศาสตร์ กฎหมาย การแพทย์ ทันตกรรมศาสตร์และสุขศึกษาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสังคมศาสตร์ การปกครองและการเมือง สนใจพูดคุยกับตัวแทนมหาวิทยาลัย Birmingham ลงทะเบียนเข้างานได้ ที่นี่
3. มหาวิทยาลัยสุดท้ายที่อยากจะแนะนำ คือ University of Leeds
เป็นมหาวิทยาลัยสำคัญของเมือง Leeds เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุดในสหราชอาณาจักร นอกจากนี้ยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสิบของมหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษที่ได้รับเงินทุนอุดหนุนการวิจัยมากที่สุดอีกด้วย มหาวิทยาลัยแห่งนี้ได้รับใบสมัครเข้าเรียนมากที่สุดเป็นอันดับสองของมหาวิทยาลัยทั้งประเทศ ว้าว!
University of Leeds ได้รับการยอมรับจากหลายๆ ประเทศว่าเป็นศูนย์กลางแห่งความเป็นเลิศในหลายๆ สาขาวิชา เป็นมหาวิทยาลัยที่มีสิ่งอำนวยความสะดวก เรียกได้ว่าเป็นระดับ First-class ไม่ว่าจะเป็นทางด้านสิ่งแวดล้อมต่างๆ มีโรงยิมที่เพิ่งเปิดใหม่ มีสระว่ายน้ำ รวมไปถึงห้องฟิตเนส เรียกได้ว่าครบครันมากๆ University of Leeds แบ่งการเรียนการสอนออกเป็น 9 คณะใหญ่ๆ ได้แก่ Business, Art, Biological Sciences, Medicine and Health, Performance, Visual Arts and Communications เป็นต้น ส่วนค่าใช้จ่ายในการเรียนที่นี่ ก็ไม่ได้แพงเอย่างที่คิดเลย ถ้าเทียบกับสิ่งที่จะได้รับกลับมา โดยจะอยู่ที่ประมาณ 20,000 ดอลล่าร์ หรือ 6 แสนบาทต่อปีเท่านั้นเองค่ะ สนใจพูดคุยกับตัวแทนมหาวิทยาลัย Leeds ลงทะเบียนเข้างานได้ ที่นี่
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับ 3 มหาวิทยาลัยในเครือ Russell Group เรียกได้ว่าแต่ละที่ก็มีข้อดี ข้อเด่น แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับน้องๆ ว่าจะชอบแนวไหน แต่ขอไฮไลท์สีเข้มๆ อีกครั้งหนึ่งว่าทั้งหมดนี้เป็นมหาวิทยาลัยที่โดดเด่น
ด้านวิชาการ เรื่องงานวิจัย และเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของสหราชอาณาจักรจริงๆ ค่ะ
น้องๆ คนไหนสนใจอยากเข้าไปเรียน 1 ใน 3 มหาวิทยาลัยนี้ สามารถแวะไปพูดคุยแบบตัวต่อตัวกับตัวแทนของแต่ละมหาวิทยาลัย ไปจนถึง สอบถามข้อมูลขั้นตอนการสมัครเรียน มากกว่านั้น น้องๆ ยังสามารถสมัครเรียนกับมหาวิทยาลัยภายในงานได้ทันที แถมยังมีโอกาสได้รับ Offer ทันทีอีกด้วย และพลาดไม่ได้สุดๆ กับการ ทดลองสอบ IELTS 2 ทักษะ (อ่าน-เขียน) โดย British Council IELTS (จำกัด 80 ที่นั่ง เปิดลงทะเบียนหน้างานตั้งแต่เวลา 11:00)
งานนี้จะจัดขึ้นในวันพุธที่ 27 มีนาคม 2562 โรงแรม Radisson Blu Plaza Bangkok ภายใต้ชื่องาน UK Universities Interview Day by Hands On งานนี้ฟรีตลอดงานนะคะ รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถเข้าไปดูได้ ที่นี่ แล้วพบกันค่ะ