บางครั้งประสบการณ์ที่เลวร้ายอาจกลายเป็นการเปลี่ยนแปลงดีๆ ต่อชีวิตในภายหลังของคนเราก็ได้
อย่างเช่นนางแบบสาว Tessa Snyder วัย 29 ปีจากฟิลลาเดเฟีย ผู้แชร์เรื่องราวของช่วงเวลาที่เลวร้าย ซึ่งเปลี่ยนเธอไปทั้งชีวิต โดยหวังว่าเรื่องนี้ จะกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนที่กำลังท้อแท้ หรือผู้พิการที่กำลังปรับตัวกับร่างกายใหม่
เธอเล่าว่าในวัย 11 ขวบ เธอต้องตัดขาทิ้งเพื่อเพิ่มโอกาสที่จะรอดชีวิตจากมะเร็ง และในขณะที่เธอต้องรับมือกับการเปลี่ยนเเปลงของร่างกาย เรื่องราวของเธอก็ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นๆ หันมารักและใส่ใจตัวเองมากยิ่งขึ้น
“ฉันเริ่มสังเกตเห็นถึงความเจ็บป่วยครั้งแรก ในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2000 ฉันไปหาหมอและได้รับความผิดหวังเนื่องจากความเจ็บปวดอาการที่แย่ขึ้นเรื่อยๆ
ฉันตื่นไปโรงเรียนในทุกเช้า พร้อมความเจ็บปวดที่เพิ่มขึ้นทุกวัน เช้าวันหนึ่งฉันตื่นขึ้นมาทั้งน้ำตา เพราะต้องใช้เวลาเกือบ 2 – 3 นาทีกว่าที่ฉันจะงอขาของตัวเองได้”
“ในที่สุดฉันก็ทนไม่ไหว หมอสั่งให้ทำ MRI ในอีกสองเดือนต่อมา”
“แล้วฉันก็ได้พบว่า ฉันเป็นมะเร็งกระดูก ในวัย 11 ปี การวินิจฉัยและข้อมูลที่ได้รับรู้ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ฉันต้องรับเคมีบำบัด ซึ่งก่อนเข้ารับการรักษาครั้งแรก ฉันมีเส้นผมสีน้ำตาลแสนรักอยู่เต็มศีรษะซึ่งหมอและพยายามบอกกับฉันว่า เมื่อรักษา มันจะค่อยๆ ร่วงและหายไป ฉันจึงควรจะตัดผมของฉันเองก่อนที่มันจะเป็นอย่างนั้น”
“ฉันรู้สึกเหมือนเป็นตัวประหลาด และมันทำให้ฉันอ่อนแอลง”
การใช้เคมีบำบัดทำให้สุขภาพของ Tessa ยิ่งย่ำแย่ เนื่องจากร่างกายของเธอไม่เคยชินและอ่อนเเอลง หลังจากสองเดือนแรกที่ทำการรักษา เธอได้รับข้อเสนอให้เปลี่ยนวิธี
พวกเขาเสนอให้เธอตัดเนื้อร้ายที่อยู่บริเวณขาขวาทิ้งไป เพื่อเพิ่มโอกาสให้การรักษามีเปอร์เซ็นที่จะหายได้มากยิ่งขึ้น โดยที่พ่อแม่ให้เธอเป็นผู้ตัดสินใจในเรื่องนี้เอง นั่นทำให้ Tessa เกิดความคิดที่ว่า ถ้าทำแล้วจะไม่ต้องทรมานอีก ทำไมเธอจะต้องปฏิเสธล่ะ?
เธอตัดสินใจตัดขา และเสพติดการหยดมอร์ฟีนเนื่องจากความเจ็บปวด พ่อและแม่ต่างเข้ามาทักทายพร้อมปลอบประโลมด้วยอ้อมกอดและรอยจูบ
ในปี 2001 ร่างกายของเธอแข็งแรงขึ้น เธอได้เรียนรู้การเดินด้วยขาเทียมซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อความแข็งแรงและความคล่องตัว
การไปโรงเรียนตามปกติเป็นเรื่องยาก Tessa ยอมรับว่าเธอรู้สึกแตกต่างจากคนอื่นๆ เธอชอบที่จะแยกตัวออกมาและไม่ค่อยสุงสิงกับเพื่อนวัยเดียวกัน
.
ต้องใช้เวลาเกือบ 20 ปี กว่าที่เธอจะยอมรับขเทียมของตัวเองได้ มีหลายครั้งที่เธอไม่อยากจะใส่ขาข้างนี้เนื่องจากความเจ็บปวดที่ได้รับ
.
แต่สิ่งหนึ่งที่เธอไม่สามารถปฏิเสธได้ก็คือ เธอไม่สามารถใช้ชีวิตโดยปราศจากสิ่งที่เธอเกลียดนี้ได้ ขาเทียมข้างนี้คือส่วนหนึ่งของตัวเธอ มันช่วยให้เธอได้ไปในที่ที่อยากไป ได้สัมผัสชีวิต ตกหลุมรัก และมีลูกๆ ที่น่ารักในเวลาต่อมา
ในวัย 29 ย่างเข้าปีที่ 30 Tessa กลายเป็นคุณแม่ลูกสองผู้มีทุกอย่างที่เธอต้องการ ทั้งยังเป็นนางแบบอีกด้วย
.
เธอกล่าวว่า “ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าที่ผ่านมา ฉันเคยปล่อยให้หลายสิ่งหลายอย่างมากำหนดตัวตนของฉัน โรงมะเร็งและขาที่สูญเสียไปอาจเป็นเรื่องเลวร้าย แต่ฉันได้รับโอกาสที่สองในชีวิต”
“ขอบคุณเด็กหญิงวัย 11 ปีคนนั้นที่ต่อสู้ร่วมกับฉันมาตลอด 20 ปี และขอบคุณจริงๆ ที่เธอไม่เคยยอมแพ้”
ที่มา: boredpanda