น้ำมันมะพร้าว เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่ผู้คนเชื่อกันว่าสามารถช่วยรักษาได้ครอบจักรวาล ตั้งแต่เส้นผมที่แห้งเสีย ไปจนถึงโรคอ้วน ริดสีดวงทวาร และบำบัดจิตใจให้สงบลง
แต่อย่างไรก็ตาม Karin Michels นักระบาดวิทยาของสถาบันสาธารณสุขฮาร์วาร์ด TH Chan ได้ออกมาตั้งข้อสังเกต และเผยว่า น้ำมันมะพร้าวอาจเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุด ที่คุณสามารถกินได้ และแทนที่จะเป็นการบำรุงสุขภาพ มันอาจเป็นยาพิษเสียมากกว่า”
Michels ได้แสดงความคิดเห็นของเธอในการบรรยายที่มหาวิทยาลัย Freiburg ซึ่งเธอดำรงตำแหน่งทางวิชาการที่สอง ในฐานะผู้อำนวยการสถาบันเพื่อการป้องกัน และเนื้องอกระบาดวิทยา คำพูดซึ่งแปลเป็นภาษาเยอรมันได้รับการเข้าชมเกือบ 1 ล้านครั้งบน YouTube
Michels อ้างอิงถึงคำเตือนของเธอเกี่ยวกับสัดส่วนไขมันอิ่มตัวสูงในน้ำมันมะพร้าว ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในการเพิ่มระดับของคอเลสเตอรอล รวมทั้งความเสี่ยงของโรคหัวใจ และหลอดเลือด
น้ำมันมะพร้าวมีไขมันอิ่มตัวมากกว่า 80% มากกว่าปริมาณที่พบในน้ำมันหมู และมากกว่า 60% ที่พบในเนื้อวัว
เมื่อปีที่แล้ว American Heart Association ได้ตรวจสอบหลักฐานเกี่ยวกับน้ำมันมะพร้าวในกลุ่มอาหารอื่นๆ ทำให้พบว่า ในขณะที่ 3/4 ของประชาชนในสหรัฐ เชื่อว่าน้ำมันมะพร้าวมีดีต่อสุขภาพ มีนักวิชาการเพียง 37% เท่านั้นที่เห็นด้วย
“เนื่องจากน้ำมันมะพร้าวช่วยเพิ่มคอเลสเตอรอล LDL ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบและยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าจะมีผลดีต่อสุขภาพ เราจึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้น้ำมันมะพร้าว”
องค์กรอื่นๆ ได้ออกคำเตือนที่คล้ายกัน the British Nutrition Foundation กล่าวว่า
“น้ำมันมะพร้าวสามารถรวมอยู่ในอาหารได้ แต่เนื่องจากไขมันอิ่มตัวสูง จึงควรใช้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และใช้สำหรับเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน จึงจะดีต่อสุขภาพ”
“มาถึงวันนี้ ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใดมีน้ำหนักมากพอจะสนับสนุนว่า การกินน้ำมันมะพร้าวมีประโยชน์ต่อสุขภาพจริงๆ ”
จากกระแสสุขภาพ ทำให้ยอดขายน้ำมันมะพราวในสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ในสหรัฐฯเองก็เช่นกัน ยอดขายน้ำมันมะพร้าวพุ่งสูงที่สุดในปี 2015 ที่ 229 ล้านเหรียญฯ โดยบริษัทวิจัยตลาดแห่งหนึ่งได้เผยข้อมูลนี้
ถึงแม้จะดูอันตราย แต่หากใช้ในปริมาณที่น้อยนิด ร่วมกับสารอาหารอื่นๆ ก็ยังสามารถบริโภคได้ ทางที่ดีที่สุด นักวิชาการแนะนำให้คุณเปลี่ยนมาใช้น้ำมันดอกทานตะวัน หรือน้ำมันมะกอกแทน เนื่องจากเป็นไขมันไม่อิ่มตัว และช่วยลดระดับของคอเลสเตอรอล LDL ได้ จึงดีกับสุขภาพมากกว่า
ที่มา: theguardian