ระดับการท่องเที่ยวเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในแต่ละฤดูกาล ช่วง High Season ก็จะคึกคักหน่อย ไม่ว่าจะที่ไหนๆ ก็คราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยว ร้านรวงต่างประดับประดาด้วยสีสัน ข้าวของก็มีให้เลือกละลานตา
เมื่อพอหมดช่วงบูมและเข้าสู่ Low Season นักท่องเที่ยวก็จะบางตา แต่มีข้อดีตรงที่ภาพถ่ายของคุณจะสวยงามมากขึ้น ให้มุมมองภาพชัดเจนโดยปราศจากเงาของนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ วันนี้เรามีภาพเปรียบเทียบของสถานที่ดังในช่วงไฮ และโลวซีซั่นมาให้ชม
Coney Island ที่นิวยอร์กในช่วงซัมเมอร์
ส่วนในฤดูหนาวแทบจะไม่มีนักท่องเที่ยวเลย
เมืองเวนิช ประเทศอิตาลี ในช่วงซัมเมอร์มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลมาเยอะมาก
เมื่อเหมันต์ฤดูมาเยือนผู้คนก็เริ่มบางตา ราวกับคนละสถานที่ ให้มุมมองสถาปัตยกรรมต่างๆ ชัดขึ้น
เมื่ออากาศในประเทศไอซ์แลนด์เริ่มอบอุ่นขึ้น กลุ่มนักท่องเที่ยวก็หนาตาขึ้นด้วยเช่นกัน
จำนวนผู้เข้าชมลดลงเมื่อความหนาวเหน็บเริ่มปกคลุม
อุทยานแห่งชาติแกรนด์แคนยอน เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในสหรัฐอเมริกา
และในช่วงที่ความหนาวปกคลุมทุกพื้นที่ นักท่องเที่ยวแทบไม่มีให้เห็น ร้านอาหาร และที่พักมักปิดให้บริการ
กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย มีนักท่องเที่ยวคับคั่งในช่วงฤดูร้อน พร้อมกับการจัดกิจกรรมมากมายในเมืองใหญ่ๆ
แต่ถ้าไปเยือนมอสโกในช่วงฤดูหนาว ก็ต้องเตรียมใจสักหน่อยให้เรื่องสภาพอากาศ
ใครๆ ก็อยากไปเยือนรัฐอะแลสกาเมื่ออากาศสดใส
แต่เมื่อฤดูหนาวมาถึง อะแลสกามักเป็นสถานที่ที่ผู้คนไม่กล้าไปเยือน เพราะส่วนใหญ่ถูกปกคลุมด้วยความมืด เช่น เมืองเหนือสุดของ Barrow ไม่มีดวงอาทิตย์ให้เห็นนานกว่า 67 วันเต็มในช่วงฤดูหนาว
ช่วงเดือนธันวาคมจนถึงเดือนเมษายน เป็นช่วงเวลายอดนิยมในการไปเที่ยวที่สาธารณรัฐโดมินิกัน
ในช่วงเวลาที่มีกิจกรรมน้อย นักท่องเที่ยวก็จะบางตาลง
ซานโตรินีที่กริซเป็นจุดฮอตฮิตตลอดช่วงซัมเมอร์
สถานที่ต่างๆ ดูโล่งเมื่อมาถึงช่วงฤดูหนาว
บาหลีเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม
บาหลีในช่วงฤดูฝนราคาต่างๆ จะถูกลง แต่ค่อนข้างเปล่าเปลี่ยว และชื้นแฉะ
จะว่าไปแล้วทั้งสองช่วงก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับคุณแล้วล่ะว่าชอบอารมณ์แบบไหนมากกว่ากัน คนน้อยๆ เที่ยวได้ทุกซอกทุกมุม หรือจะไปช่วงไฮซีซั่นเพราะมีของกินของฝากให้เลือกเยอะดี
ที่มา: thisisinsider