ปี 2018 แล้วแต่เรายังคงมีความเขื่อเกี่ยวกับการชาร์จแบตเตอรี่ ไม่ว่าจะเป็นการลืมถอดปลั๊กเตารีด เสียบแล็ปท็อปทิ้งไว้ทั้งคืน หรือปล่อยให้โทรศัพท์เหลือแบต 0% ซึ่งสิ่งเหล่านี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่าจริงเท็จแค่ไหน ถ้าอย่างนั้นไปไขข้อข้องใจพร้อมๆ กันเลย
ความเชื่อที่ 1 ไม่ควรชาร์จโทรศัพท์ทิ้งไว้ทั้งคืน
แบตเตอรี่ลิเธียมที่ทันสมัยทำให้เราสามารถชาร์จโทรศัพท์ไว้ข้ามคืนได้อย่างง่ายดาย แบตเตอรี่ประเภทนี้มีตัวควบคุมในการหยุดชาร์จเมื่อแบตเต็มแล้ว ดังนั้น ไม่ต้องกังวลว่าโทรศัพท์จะลุกไหม้ หรือแบตเตอรี่จะเสื่อม
ความเชื่อที่ 2 คุณควรชาร์จเมื่อแบตเหลือ 0%
คนส่วนใหญ่คิดว่าต้องปล่อยให้แบตโทรศัพท์หมดเกลี้ยงก่อนแล้วค่อยชาร์จ ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด การปล่อยให้แบตลิเธียมไอออนหมดจะทำให้เสีย Cycle ยิ่งปล่อยให้หมดปล่อยๆ แบตก็เสี่ยงต่อการเสื่อมสภาพเร็วยิ่งขึ้น โดยผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าควรชาร์จเมื่อแบตเหลือประมาณ 40% – 80%
ความเชื่อที่ 3 ไม่ควรเสียบสายชาร์จทิ้งไว้
หลายคนชอบเสียบสายชาร์จทิ้งไว้เพราะสะดวกไม่ต้องวุ่นตามหาเวลาต้องการใช้ ซึ่งมีการกล่าวไว้ว่า หลังจากชาร์จแล้วควรถอดปลั๊กออกเพราะอาจทำให้เกิดไฟกระชาก แต่สถานการณ์เช่นนี้ในเมืองใหญ่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยอย่างที่คิด อย่างไรก็ตาม มีอยู่ 4 กรณีที่คุณควรถอดปลั๊ก
-บ้านของคุณไม่มีสายล่อฟ้า ดังนั้น จึงเกิดไฟกระชากและดับบ่อย
-มีสัตว์เลี้ยงเตร่ไปมาในบ้าน ในกรณีนี้มีความเป็นไปได้ที่มันจะกัดแทะสายไฟ ดังนั้น ถอดปลั๊กเก็บจะดีกว่า
-ข้างบ้านมีน้ำรั่ว
-ตัวชาร์จร้อนขึ้น และเกิดเสียงรบกวนแม้ไม่ได้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ ในกรณีให้เปลี่ยนที่ชาร์จใหม่ดีกว่า
ดังนั้น จึงขึ้นอยู่กับคุณเองว่าจะเสียบค้าง หรือถอดเก็บไว้ให้เป็นระเบียบ
ความเชื่อที่ 4 การชาร์จแล็ปท็อปไว้ตลอดเวลา
เช่นเดียวกับกรณีของโทรศัพท์ แบตเตอรี่สมัยใหม่จะตัดการชาร์จหากว่าแบตเต็มแล้ว ซึ่งผู้เชี่ยวชาญแนะว่าในกรณีที่แบตหมดเกลี้ยง ควรเป็นเพียงเดือนละครั้งจะดีกว่า
และด้วยความร้อนที่สูงเกินไปของอุปกรณ์ หรือการทำงานในสภาพที่ไม่เหมาะสม มักเป็นสาเหตุหลักของความเสียหาย กล่าวได้ว่าส่วนใหญ่เป็นความผิดพลาดของผู้ใช้มากกว่า ไม่ใช่ที่ตัวอุปกรณ์ชาร์จ
สรุปง่ายๆ คือเทคโนโลยีสมัยใหม่ก้าวหน้าไปมากจนเราไม่ต้องกังวลในการชาร์จอุปกรณ์ทิ้งไว้ทั้งคืน
ที่มา: brightside