20 สิ่งที่เหล่าพนักงานเสิร์ฟได้แต่พูดดังๆ (ในใจ) ว่า “คุณลูกค้า หยุดเสียที!”

หัวใจหลักของการเป็นพนักงานเสิร์ฟคือใจที่รักการบริการแต่บางครั้งเมื่อเจอลูกค้าที่ยากจะจัดการ ก็สร้างความอึดอัดใจได้เช่นกัน

มีหลายสิ่งหลายอย่างที่บรรดาลูกค้าทำ และเหล่าเด็กเสิร์ฟได้เเต่แอบบ่นในใจ พร้อมภาวนาขอให้พวกเขาหยุดทำพฤติกรรมเหล่านั้นซะที มาดูกันดีกว่าว่า มีเรื่องอะไรบ้าง?

อย่าปล่อยให้ลูกๆ ของคุณวิ่งไปทั่วร้าน

อย่าให้ทิปน้อยกว่าที่ควรจะเป็น (บางประเทศมีข้อกำหนดเกี่ยวกับการให้ทิปเด็กเสิร์ฟอยู่)

อย่าหยาบคาย เมื่อคุณรออาหารนานเกินไป โปรดเข้าใจว่ามันไม่ใช่ความผิดของเด็กเสิร์ฟซะทีเดียว

อย่าแตะเนื้อต้องตัว หรือดึงมือของเด็กเสิร์ฟ เพื่อเรียกให้พวกเขาสนใจคุณ เพราะนอกจากจะอันตรายแล้ว ยังเป็นการล่วงเกินที่ไม่น่ารักอีกด้วย

อย่าขออาหารที่มีส่วนผสมพิเศษ จนดูเหมือนเป็นเมนูใหม่ เช่นการขอพิซซ่าไก่ที่ไม่ใส่ซอสหรือชีส เพราะนั่นมันคือไก่ทอด

อย่าคิดว่าพวกเขาต้องบริการคุณเพียงโต๊ะเดียว

อย่าลืมว่าพนักงานเสิร์ฟก็เป็นคนและมีความรู้สึก

อย่าเพิกเฉย หรือทำเป็นไม่สนใจเมื่อพนักงานเสิร์ฟ กำลังแนะนำตัวเองหรือพูดคุยกับคุณ

อย่าส่งจานที่ว่างเปล่าให้พวกเขาไปเก็บให้ ทั้งๆ ที่ก็เห็นว่าในมือของพวกเขามีจานมากจนล้นแล้ว

อย่าบอกว่า “รู้จักกับเจ้าของร้าน” เพื่อขอสิทธิพิเศษ มันจะทำให้พวกเขาลำบากใจมากๆ เลยล่ะ

อย่าบอกว่าคุณทิ้งคูปองไว้ที่บ้าน และขอรับส่วนลดทันทีโดยไม่ต้องมีคูปองได้มั้ย ครั้งก่อนก็ทำได้ เพราะสุดท้าย คนที่เดือดร้อนจะเป็นพนักงานเสิร์ฟ

อย่าขอบิลแยกหลายๆ ใบ เพราะมันทำให้พวกเขาทำงานยุ่งยากขึ้น

อย่าเปลี่ยนโต๊ะโดยไม่บอกกล่าว

อย่าร้องเรียนเด็กเสิร์ฟเรื่องราคาอาหาร พวกเขาไม่ได้เป็นคนกำหนด

อย่านั่งแช่ที่โต๊ะนานๆ ในกรณีที่คุณทานอาหารเสร็จแล้ว โดยเฉพาะในวันที่คนเยอะและโต๊ะเต็มตลอดเวลา

อย่าหยาบคายใส่พนักงานเพียงเพราะพวกเขาเป็นเด็กเสิร์ฟ ความสุภาพอาจทำให้คุณได้รับบริการที่น่าประทับใจ

อย่าเข้าร้านอาหาร ถ้าคุณรีบ เพราะถึงคุณจะเร่งพนักงานเสิร์ฟมากแค่ไหน พวกเขาก็เนรมิตมันให้คุณไม่ได้

อย่าเข้าร้านมาในช่วงเวลา 10 นาทีก่อนจะปิด เพื่อนั่งแช่เป็นชั่วโมง

อย่าโกรธ เมื่อเด็กเสิร์ฟถามอายุขณะที่คุณสั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ ไม่มีใครอยากมีปัญหาทีหลังหรอก

อย่าโกหกเมื่อคุณทำอะไรบางอย่างผิดพลาด บางร้านมีกล้องวงจรปิดเพื่อตรวจสอบว่าจริงๆ แล้วเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ไม่ว่าจะไปใช้บริการอะไรก็แล้วแต่ สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงให้มากก็คือ “ใจเขา ใจเรา” เนอะ :)

ที่มา: thisisinsider