“ทำเนียบขาว” คือหนึ่งในสถานที่สำคัญของโลก ซึ่งมีประวัติศาสตร์ทางการเมืองมาอย่างยาวนาน และเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของประเทศอเมริกา
ในบางชั้นเรียนประวัติศาสตร์ อาจมีการพูดถึงทำเนียบขาวในมุมต่างๆ บ้างเล็กน้อย วันนี้ เราจะพาคุณไปทำความรู้จักทำเนียบขาวให้มากขึ้น ผ่านเรื่องราวที่อาจไม่ค่อยถูกเอ่ยถึง และจะทำให้คุณต้องประหลาดใจ
จอร์จ วอชิงตัน ไม่เคยอาศัยอยู่ที่นั่น
ในปี 1791 บิดาผู้ก่อตั้งและประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐฯ ได้อนุมัติให้มีการก่อสร้างทำเนียบขาว แต่เขากลับกลับเสียชีวิตลงก่อนที่อาคารจะสร้างเสร็จ
ประธานาธิบดีจอห์น อดัมส์ และภรรยาของเขาย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านที่ยังสร้างไม่เสร็จในปี 1800 จึงถือเป็นครอบครัวแรกที่ได้ย้ายเข้าไปอยู่ในทำเนียบขาว
มันมีขนาดใหญ่กว่าที่คุณคิด
ทำเนียบขาวเป็นบ้านที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจนถึงหลังสงครามกลางเมืองอเมริกา มีห้องพัก 132 ห้อง และห้องน้ำ 35 ห้องในหกชั้น รวมทั้งประตู 412 ประตู หน้าต่าง 147 บาน เตาผิง 28 แห่ง ห้องบันได 8 ขั้น และลิฟต์ 3 ตัว
มันเคยถูกเผาโดยทหารอังกฤษ
ในช่วงสงคราม 1812 ทหารอังกฤษบุกทำเนียบขาวในปี 1814 ทำให้เกิดการจลาจล จากการตอบโต้ของทหารสหรัฐฯ และการจุดไฟเผาอาคารในนิวยอร์กออนตาริโอ
ไฟได้เผาทำลายภายใน และหลังคาของทำเนียบขาวอย่างสมบูรณ์ ประธานาธิบดีเจมส์ เมดิสันเรียกร้องให้มีการฟื้นฟูบูรณะทันที เขาสั่งให้มีการเรียกนักออกแบบคนเดิมคือ James Hoban เข้ามาดูแลงาน
เมดิสันและภรรยาของเขาไม่ได้กลับไปอยู่ที่ทำเนียบขาวอีก หลังการฟื้นฟูเสร็จสมบูรณ์ในเวลาที่ประธานาธิบดีเจมส์ มอนโรได้รับเลือกในปี 1817
มันไม่มีชื่ออย่างเป็นทางการจนกระทั่ง 1901
อาคารดังกล่าวไม่ได้มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “ทำเนียบขาว” จนกระทั่งประธานาธิบดี ธีโอดอร์ รูสส์เวลล์ เคยใช้สถานที่นี้ในปี 1901
ก่อนหน้านั้นมันถูกเรียกว่า “บ้านของประธานาธิบดี” (President’s House หรือ President’s Mansion) นักทฤษฎีบางคนบอกว่าชื่อนี้เกิดขึ้นหลังจากไฟไหม้เมื่อปี 1814 เมื่อกำแพงที่มีคราบสกปรกถูกทาสีด้วยสีขาว แม้ว่านักประวัติศาสตร์ระบุว่าตำนานนี้ไม่มีมูลความจริง
กลุ่ม Suffragists ประท้วงนอกประตูเป็นเวลาสองปีเต็ม
เมื่อวันที่ 10 มกราคม 1917 ยุคสมัยของประธานาธิบดีวูดโรว์ วิลสัน มีกลุ่มหญิงสาวที่เรียกว่า Suffragists เริ่มประท้วงนอกประตูทำเนียบขาว คนกลุ่มนี้เป็นตัวแทนของพรรคสตรีแห่งชาติและปฏิเสธที่จะย้ายออกจากหน้าประตูจนกว่าผู้หญิงจะได้รับสิทธิ์ในการออกเสียงลงคะแนน
พวกเขาตั้งค่ายอยู่หน้าทำเนียบขาวเป็นเวลาหกวันต่อสัปดาห์ รวมระยะเวลาสองปีครึ่ง ในช่วงเวลานั้นพวกเขาถูกข่มขู่และถูกทำร้าย จนกระทั่งหลังวันที่ 4 มิถุนายน 1919 เมื่อการแก้ไข 19 ครั้งผ่านไปทำให้ผู้หญิงมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน
มีข่าวลือว่าทำเนียบขาวมีผีสิง
สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง แมรี่ ทอดด์ ลินคอน ได้บอกเพื่อนว่าเธอได้ยินเสียงแห่งความโกรธและพ่ายแพ้ กล่าวสบถสาบานไปทั่วอาคารในหลายห้องทั้งที่ไม่มีใครอยู่
แต่ผีที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งทำเนียบขาว เห็นจะไม่พ้นผีของประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอน หลังเขาถูกลอบสังหารในปี 1860 ซึ่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษวินสตัน เชอร์ชิลล์ ก็เคยกล่าวว่าได้เห็นผีลินคอล์นขณะพักอยู่ที่ทำเนียบขาวในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
ที่นี่เป็นบ้านของหมี เสือโคร่ง และสัตว์ป่าชนิดอื่นๆ
แน่นอนว่าประธานาธิบดีหลายคนต่างมีสัตว์เลี้ยงคู่ใจอย่างน้องหมา น้องแมวแสนน่ารัก แต่ก็มีหลายคนที่ให้ความสนใจกับสัตว์ที่แปลกใหม่ อย่างเช่น โทมัส เจฟเฟอร์สัน ได้เลี้ยงลูกหมีไว้สองตัว มาร์ติน แวนบิวเรนมีเสือโคร่งอยู่คู่หนึ่งซึ่งได้รับมาจากสุลต่านโอมาน และรัฐสภาบังคับให้เขาส่งพวกมันไปที่สวนสัตว์ William Henry Harrison
ต้องใช้สีจำนวนมากในการตกแต่งอาคาร
เช่นเดียวกับบ้านเก่าแก่หลังอื่นๆ ทำเนียบขาวเองก็ต้องการการดูแลอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ดูใหม่อยู่เสมอ นั่นทำให้ต้องใช้สีขาวถึง 3 ตันสำหรับการฟื้นฟูในแต่ละครั้ง
มีศูนย์บัญชาการลับใต้ปีกตะวันตก?
ในปี 2010 คนงานก่อสร้างเริ่มขุดหลุมขนาดใหญ่ที่พื้นหน้าปีกตะวันตกของทำเนียบขาว ซึ่งเป็นโครงการที่สร้างอย่างลับๆ ภายใต้รั้วสูงสีเขียว
สองปีต่อมา รั้วนั้นพังลงและได้รับการซ่อมแซม แต่พื้นที่ภายในกลับเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำให้มีคนเชื่อกันว่า มีศูนย์บัญชาการลับซ่อนอยู่ข้างใต้ปีกตะวันตกของทำเนียบขาว
ฐานเดิมตั้งแต่เเรกเริ่มก่อสร้างเริ่มหายไป
หนึ่งในความลึกลับที่ชวนให้สังเกตมากที่สุดของทำเนียบขาว คือการหายไปของรากฐานเดิมของอาคาร เพียง 24 ชั่วโมงหลังจากฐานนี้ถูกวางลงไปในปี 1792 ฐานหลักพร้อมกับแผ่นทองเหลืองจารึกก็หายไป โดยไม่มีใครหาเจอ มีแค่การคาดเดาว่ามันหายไปไหน
ที่มา: rd.com